ลิงก์ (สีฟ้า) ในภาษาที่คุณเลือกนำคุณไปยังบทความอื่นที่เขียนด้วยภาษาเดียวกัน ลิงก์สีน้ำเงินที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษจะนำคุณไปสู่บทความภาษาอังกฤษ ในกรณีนี้คุณสามารถเลือกจากสามภาษาอื่น ๆ ได้แก่ สเปนโปรตุเกสและฝรั่งเศส

(บทความ "การสอนพื้นฐานของพระคัมภีร์" อยู่หลังจาก "ชีวิตนิรันดร์")

ความหวังในความสุขคือความแข็งแกร่งของความยืดหยุ่นของเรา

เมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เริ่มเกิดขึ้นให้พวกคุณยืดตัวตรงและเชิดหน้าขึ้นเพราะพระเจ้าจะมาช่วยพวกคุณให้รอดแล้ว

(ลูกา21:28)

หลังจากบรรยายเหตุการณ์อันน่าพิศวงก่อนอวสานของระบบนี้ ในช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานที่สุดที่เรามีชีวิตอยู่ตอนนี้ พระเยซูคริสต์ทรงบอกเหล่าสาวกของพระองค์ให้ "เงยหน้าขึ้น" เพราะความสมหวังของเราจะเป็นจริงในไม่ช้า

จะรักษาความสุขไว้ได้อย่างไรแม้มีปัญหาส่วนตัว? อัครสาวกเปาโลเขียนว่าเราต้องทำตามแบบแผนของพระเยซูคริสต์: “ดัง​นั้น ใน​เมื่อ​เรา​มี​พยาน​มาก​มาย​เหมือน​เมฆ​ก้อน​ใหญ่​อยู่​รอบ​เรา​อย่าง​นี้ ให้​เรา​ปลด​ของ​หนัก​ทุก​อย่าง​ทิ้ง​ไป รวม​ทั้ง​บาป​ที่​รัด​ตัว​เรา​ได้​ง่าย และ​ให้​เรา​วิ่ง​แข่ง​ด้วย​ความ​มานะ​อด​ทน​บน​ทาง​ที่​อยู่​ตรง​หน้า​เรา  พร้อม​กับ​จ้อง​มอง​พระ​เยซู ท่าน​เป็น​ผู้​นำ​คน​สำคัญ​ที่​ทำ​ให้​ความ​เชื่อ​ของ​เรา​สมบูรณ์​ครบ​ถ้วน ท่าน​ยอม​ทน​ทุกข์​และ​ไม่​คิด​ถึง​ความ​อับอาย​ที่​ต้อง​ตาย​บน​เสา​ทรมานเพราะ​ท่าน​คิด​ถึง​ความ​ยินดี​ที่​รอ​อยู่​ข้าง​หน้า และ​ตอน​นี้​ท่าน​นั่ง​อยู่​ข้าง​ขวา​บัลลังก์​ของ​พระเจ้า​แล้ว  ขอ​ให้​พวก​คุณ​สังเกต​ดู​พระ​เยซู​ให้​ดี พวก​คุณ​จะ​ได้​ไม่​ท้อ​ถอย​และ​ยอม​แพ้ ท่าน​ทน​กับ​คำ​พูด​ดูถูก​เหยียด​หยาม​ของ​คน​บาป ซึ่ง​คำ​พูด​นั้น​กลับ​เข้า​ตัว​เขา​เอง" (ฮีบรู 12:1-3).

พระเยซูคริสต์ทรงเสริมกำลังเมื่อเผชิญกับปัญหาโดยความชื่นชมยินดีแห่งความหวังที่วางไว้ต่อหน้าพระองค์ เป็นสิ่งสำคัญที่จะดึงพลังงานเพื่อเติมพลังความอดทนของเรา ผ่าน "ปีติ" แห่งความหวังของเราเรื่องชีวิตนิรันดร์ที่อยู่ตรงหน้าเรา เมื่อพูดถึงปัญหาของเรา พระเยซูคริสต์ตรัสว่าเราต้องแก้ปัญหาทุกวัน: "ดัง​นั้น ผม​จะ​บอก​คุณ​ว่า เลิก​กังวล​ได้​แล้วกับ​เรื่อง​ชีวิต​ความ​เป็น​อยู่​ว่า​จะ​มี​กิน​มี​ดื่ม​ไหม หรือ​กังวล​ว่า​จะ​มี​เสื้อ​ผ้า​ใส่​หรือ​เปล่า ชีวิต​สำคัญ​กว่า​อาหาร​และ​ร่าง​กาย​สำคัญ​กว่า​เสื้อ​ผ้า​ไม่​ใช่​หรือ?  ดู​นก​ที่​บิน​บน​ฟ้า​สิ พวก​มัน​ไม่​ได้​หว่าน​หรือ​เก็บ​เกี่ยว​หรือ​สะสม​เมล็ด​พืช​ไว้​ใน​ยุ้ง​ฉาง แต่​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​คุณ​ใน​สวรรค์​เลี้ยง​ดู​พวก​มัน​อยู่ คุณ​มี​ค่า​มาก​กว่า​นก​ไม่​ใช่​หรือ?  พวก​คุณ​มี​ใคร​ไหม​ที่​กังวล​แล้ว​จะ​ต่อ​ชีวิต​ได้​อีก​สัก​นิด​หนึ่ง?  จะ​กังวล​กับ​เรื่อง​เสื้อ​ผ้า​ไป​ทำไม? ดู​ดอกไม้​ใน​ทุ่ง​สิ มัน​งอกงาม​ขึ้น​ได้​อย่าง​ไร มัน​ไม่​ต้อง​ตรากตรำ​ทำ​งาน​และ​ไม่​ต้อง​ทอ​ผ้า แต่​รู้​ไหม​ว่า แม้​แต่​กษัตริย์​โซโลมอนตอน​ที่​แต่ง​ตัว​เต็ม​ยศ​ก็​ยัง​ไม่​งาม​เท่า​กับ​ดอกไม้​ดอก​หนึ่ง​ที่​อยู่​ใน​ทุ่ง​เลย  ถ้า​พระเจ้า​ตกแต่ง​ดอกไม้​ใบ​หญ้า​ใน​ทุ่ง​ซึ่ง​อยู่​แค่​วัน​นี้ และ​พรุ่ง​นี้​ก็​จะ​ถูก​เผา​ทิ้ง พระองค์​จะ​ไม่​ตกแต่ง​คุณ​มาก​กว่า​นั้น​หรือ พวก​คุณ​มี​ความ​เชื่อ​น้อย​จริง ๆ  ดัง​นั้น อย่า​กังวลว่า​จะ​มี​กิน​มี​ดื่ม​ไหม หรือ​จะ​มี​เสื้อ​ผ้า​ใส่​หรือ​เปล่า  คน​ที่​ไม่​รู้​จัก​พระเจ้า​เสาะ​แสวง​หา​ของ​พวก​นี้ แต่​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​คุณ​ใน​สวรรค์​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​คุณ​ต้อง​มี​ของ​ทั้ง​หมด​นี้" (มัทธิว 6:25-32) หลักการง่าย ๆ เราต้องใช้ปัจจุบันเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น วางใจในพระเจ้า เพื่อช่วยเราหาทางแก้ไข "ดัง​นั้น คุณ​ต้อง​ทำ​ให้​การ​ปกครอง*ของ​พระเจ้า​และ​ความ​ถูก​ต้อง​ชอบธรรม​ของ​พระองค์เป็น​สิ่ง​สำคัญ​ที่​สุด​ใน​ชีวิต แล้ว​พระองค์​จะ​ให้​คุณ​มี​สิ่ง​จำเป็น​ทั้ง​หมด​นี้  ไม่​ต้อง​กังวล​ถึง​วัน​พรุ่ง​นี้ เพราะ​พรุ่ง​นี้​ก็​จะ​มี​เรื่อง​ของ​พรุ่ง​นี้​ให้​กังวล​อีก แต่​ละ​วัน​มี​ปัญหา​มาก​พอ​อยู่​แล้ว" (มัทธิว 6:33,34) การใช้หลักการนี้จะช่วยให้เราจัดการพลังงานทางจิตหรืออารมณ์เพื่อจัดการกับปัญหาประจำวันของเราได้ดีขึ้น พระเยซูคริสต์ตรัสว่าอย่าวิตกกังวลมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้จิตใจเราสับสนและเอาพลังงานทางวิญญาณทั้งหมดไปจากเรา (เปรียบเทียบกับมาระโก 4:18,19)

เพื่อกลับไปสู่กำลังใจที่เขียนไว้ในฮีบรู 12:1-3 เราต้องใช้ความสามารถทางจิตของเราในการมองไปยังอนาคตด้วยความสุขในความหวังซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์: "แต่​ผล​ที่​เกิด​จาก​พลัง​ของ​พระเจ้า คือ ความ​รัก ความ​ยินดี สันติ​สุข ความ​อด​ทน​อด​กลั้น ความ​กรุณา ความ​ดี ความ​เชื่อ  ความ​อ่อนโยน และ​การ​ควบคุม​ตัว​เอง สิ่ง​เหล่า​นี้​ไม่​มี​กฎหมาย​ห้าม​เลย" (กาลาเทีย 5:22,23) มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้มีความสุข และคริสเตียนประกาศ “ข่าวดีของพระเจ้ามีความสุข” (1 ทิโมธี 1:11) ในขณะที่ระบบนี้อยู่ในความมืดฝ่ายวิญญาณ เราต้องเป็นจุดศูนย์กลางของความสว่างโดยข่าวประเสริฐที่เราแบ่งปัน แต่ด้วยความชื่นชมยินดีในความหวังของเราที่เราต้องการฉายแสงไปยังผู้อื่น: "คุณ​เป็น​เหมือน​แสง​สว่าง​ของ​โลก เมือง​ที่​ตั้ง​อยู่​บน​ภูเขา​จะ​ซ่อน​จาก​สายตา​คน​ไม่​ได้  เมื่อ​คน​เรา​จุด​ตะเกียง​แล้ว​จะ​ไม่​เอา​ถัง​ครอบ​ไว้ แต่​ตั้ง​ไว้​บน​เชิง​ตะเกียง จะ​ได้​ส่อง​สว่าง​ให้​กับ​ทุก​คน​ใน​บ้าน  คล้าย​กัน ให้​คุณ​ส่อง​แสง​สว่าง​ให้​คน​อื่น​เห็น​ด้วย​การ​ทำ​ดี พอ​เขา​เห็น​ความ​ดี​ของ​คุณ เขา​ก็​จะ​ยกย่อง​สรรเสริญ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​คุณ​ใน​สวรรค์" (มัทธิว 5:14-16) วิวิดีโอต่อไปนี้และรวมถึงบทความตามความหวังของชีวิตนิรันดร์ได้รับการพัฒนาโดยมีวัตถุประสงค์แห่งความสุขในความหวัง: "ดีใจ​ได้​เลย เพราะ​คุณ​จะ​ได้​รางวัลที่​มี​ค่า​มาก​ใน​สวรรค์ พวก​ผู้​พยากรณ์​ใน​สมัย​ก่อน​ก็​โดน​ข่มเหง​เหมือน​คุณ​นี่​แหละ” (มัทธิว 5:12) ขอให้เราสร้างความชื่นชมยินดีแด่พระยาห์เวห์ที่มั่นของเรา: “อย่า​เศร้า​เลย เพราะ​ความ​ยินดี​ที่​ได้​รับ​จาก​พระ​ยะโฮวา​จะ​ทำ​ให้​พวก​คุณ​มี​กำลัง​เข้มแข็ง” (เนหะมีย์ 8:10)

ชีวิตนิรันดร์ในสวรรค์บนดิน

"คุณจะมีความสุขเท่านั้น" (เฉลยธรรมบัญญัติ 16:15)

ชีวิตนิรันดร์โดยการปลดปล่อยมนุษย์จากพันธนาการแห่งบาป

“พระเจ้า​รัก​โลก​มาก จน​ถึง​กับ​ยอม​สละ​ลูก​คน​เดียวของ​พระองค์ เพื่อ​ทุก​คน​ที่​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​ท่าน​จะ​ไม่​ถูก​ทำลาย แต่​จะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป (…) พระเจ้า​รัก​โลก​มาก จน​ถึง​กับ​ยอม​สละ​ลูก​คน​เดียว ของ​พระองค์  เพื่อ​ทุก​คน​ที่​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​ท่าน​จะ​ไม่​ถูก​ทำลาย แต่​จะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป"

(จอห์น 3:16,36)

เมื่อพระเยซูคริสต์บนโลกมักสอนความหวังของชีวิตนิรันดร์ อย่างไรก็ตามเขายังสอนด้วยว่าชีวิตนิรันดร์นั้นจะได้มาจากศรัทธาในการเสียสละของพระคริสต์เท่านั้น (ยอห์น 3:16,36) มูลค่าไถ่ของการเสียสละของพระคริสต์จะช่วยให้การรักษาและการฟื้นคืนชีพ

ปลดปล่อยให้เป็นอิสระผ่านพรของการเสียสละของพระคริสต์

"เหมือน​ที่ ‘ลูก​มนุษย์’ ไม่​ได้​มา​ให้​คน​อื่น​รับใช้ แต่​มา​รับใช้​คน​อื่น และ​สละ​ชีวิต​เป็น​ค่า​ไถ่​ให้​คน​มาก​มาย"

(มัทธิว 20:28)

"หลัง​จาก​ที่​โยบ​อธิษฐาน​เพื่อ​เพื่อน ๆ แล้ว พระ​ยะโฮวา​ก็​ช่วย​โยบ​ให้​พ้น​จาก​ความ​ทุกข์​ทรมาน และ​ให้​เขา​กลับ​มา​ร่ำรวย​เหมือน​เดิม พระ​ยะโฮวา​ให้​โยบ​มี​ทุก​สิ่ง​มาก​กว่า​เดิม​ถึง​สอง​เท่า" (โยบ 42:10) มันจะเหมือนกันสำหรับสมาชิกทุกคนของฝูงชนผู้ยิ่งใหญ่ที่จะรอดชีวิตจากความยากลำบากครั้งใหญ่ พระยะโฮวาพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์ จะอวยพรพวกเขาดังที่สาวกเจมส์เตือนเราว่า: เรา​ถือ​ว่า​คน​ที่​อด​ทน​ก็​มี​ความ​สุข พวก​คุณ​เคย​ได้​ยิน​เรื่อง​ความ​อด​ทน​ของ​โยบ และ​รู้​ว่า​ตอน​จบ​พระ​ยะโฮวา ให้​อะไร​กับ​เขา​บ้าง นั่น​แสดง​ว่า​พระ​ยะโฮวา เมตตา และ​มี​ความ​เห็น​อก​เห็น​ใจ​จริง" (ยากอบ 5:11)

การเสียสละของพระคริสต์ที่จะรักษามนุษยชาติ

"และ​จะ​ไม่​มี​ใคร​ที่​อยู่​ใน​แผ่นดิน​นั้น​พูด​ว่า “ฉัน​ป่วย” เพราะ​ผู้​คน​ที่​อยู่​ที่​นั่น​ได้​รับ​การ​ยก​โทษ​และ​ไม่​มี​ความ​ผิด​แล้ว" (อิสยาห์ 33:24)

“ใน​ตอน​นั้น คน​ตา​บอด​จะ​มอง​เห็น คน​หู​หนวก​จะ​ได้​ยิน ใน​ตอน​นั้น คน​ง่อย​จะ​กระโดด​โลด​เต้น​ได้​เหมือน​กวาง คน​ใบ้​จะ​โห่​ร้อง​อย่าง​มี​ความ​สุข น้ำ​จะ​พุ่ง​ขึ้น​มา​ใน​ที่​กันดาร และ​จะ​มี​ลำธาร​มาก​มาย​ใน​ที่​ราบ​กันดาร" (อิสยาห์ 35:5,6)

การเสียสละของพระคริสต์จะทำให้มนุษย์ยังเยาว์วัยอีกครั้ง

"ให้​เนื้อหนัง​ของ​เขา​เปล่ง​ปลั่ง ยิ่ง​กว่า​ตอน​เป็น​เด็ก และ​ให้​เขา​กลับ​มี​เรี่ยว​แรง​เหมือน​ตอน​เป็น​หนุ่ม’" (โยบ 33:25)

การเสียสละของพระคริสต์จะช่วยให้คนตายฟื้นคืนชีพ

"หลาย​คน​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​จะ​ฟื้น​ขึ้น​มา บาง​คน​จะ​ฟื้น​ขึ้น​มา​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป" (ดาเนียล 12:2)

"และ​ผม​มี​ความ​หวัง​ใน​พระเจ้า​เหมือน​ที่​พวก​เขา​มี ความ​หวัง​ของ​ผม​ก็​คือ​ทั้ง​คน​ดี และ​คน​ชั่ว จะ​ฟื้น​ขึ้น​จาก​ตาย" (กิจการ 24:15)

"ไม่​ต้อง​แปลก​ใจ​ใน​เรื่อง​นี้ เพราะ​จะ​มี​เวลา​ที่​ทุก​คน​ซึ่ง​อยู่​ใน​อุโมงค์​ฝัง​ศพ จะ​ได้​ยิน​เสียง​ท่าน  และ​จะ​ออก​มา คน​ที่​ทำ​ดี​จะ​ฟื้น​ขึ้น​มา​แล้ว​ได้​ชีวิต ส่วน​คน​ที่​ทำ​ชั่ว​จะ​ฟื้น​ขึ้น​มา​แล้ว​ถูก​ตัดสิน​ลง​โทษ" (จอห์น 5:28,29)

"แล้ว​ผม​ก็​เห็น​บัลลังก์​ใหญ่​สี​ขาว​กับ​ผู้​ที่​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​นั้น โลก​และ​ฟ้า​สวรรค์​หาย​วับ​ไป​จาก​สายตา​พระองค์ ไม่​มี​ที่​สำหรับ​โลก​และ​ฟ้า​สวรรค์​อีก​เลย  แล้ว​ผม​ก็​เห็น​คน​ตาย​ทั้ง​ผู้​ใหญ่​ผู้​น้อย​ยืน​อยู่​ต่อ​หน้า​บัลลังก์​นั้น และ​ม้วน​หนังสือ​ต่าง ๆ ถูก​คลี่​ออก มี​ม้วน​หนังสือ​อีก​ม้วน​หนึ่ง​ถูก​คลี่​ออก​ด้วย คือ​ม้วน​หนังสือ​ที่​มี​ราย​ชื่อ​คน​ที่​จะ​ได้​ชีวิต แล้ว​คน​ตาย​ก็​ถูก​พิพากษา​ตาม​การ​กระทำ​ของ​ตัว​เอง​โดย​อาศัย​สิ่ง​ที่​เขียน​ไว้​ใน​ม้วน​หนังสือ​ต่าง ๆ นั้น  ทะเล​ได้​ปล่อย​คน​ที่​ตาย​ใน​ทะเล ความ​ตาย​และ​หลุม​ศพ ก็​ปล่อย​คน​ตาย​ที่​อยู่​ใน​นั้น แล้ว​พวก​เขา​แต่​ละ​คน​ก็​ถูก​พิพากษา​ตาม​การ​กระทำ​ของ​ตัว​เอง" (วิวรณ์ 20:11-13)

คนที่ไม่ยุติธรรมที่ฟื้นคืนชีพจะถูกตัดสินบนพื้นฐานของการกระทำที่ดีหรือไม่ดีของพวกเขาในโลกใหม่ในอนาคต

การเสียสละของพระคริสต์จะทำให้ฝูงชนผู้ยิ่งใหญ่รอดจากความยากลำบากครั้งใหญ่และมีชีวิตนิรันดร์โดยไม่ตาย

"หลัง​จาก​นั้น ผม​ก็​เห็น ดู​นั่น! มี​ชน​ฝูง​ใหญ่​ที่​ไม่​มี​ใคร​นับ​จำนวน​ได้ จาก​ทุก​ประเทศ ทุก​ตระกูล ทุก​ชน​ชาติ และ​ทุก​ภาษา ยืน​อยู่​หน้า​บัลลังก์​และ​หน้า​ลูก​แกะ​ของ​พระเจ้า พวก​เขา​สวม​เสื้อ​คลุม​ยาว​สี​ขาว และ​ถือ​ใบ​ปาล์ม พวก​เขา​ตะโกน​ไม่​หยุด​ว่า “ความ​รอด​มา​จาก​พระเจ้า​ของ​เรา​ผู้​นั่ง​บน​บัลลังก์ และ​มา​จาก​ลูก​แกะ​ของ​พระองค์”

แล้ว​ทูตสวรรค์​ทุก​องค์​ที่​ยืน​อยู่​รอบ​บัลลังก์​และ​รอบ​พวก​ผู้​ปกครอง กับ​สิ่ง​มี​ชีวิต 4 ตน​นั้น​ก็​หมอบ​ลง​นมัสการ​พระเจ้า​ตรง​หน้า​บัลลังก์​นั้น และ​พูด​ว่า “อาเมน ขอ​ให้​พระเจ้า​ของ​เรา​ได้​รับ​คำ​สรรเสริญ เกียรติยศ สติ​ปัญญา การ​ขอบคุณ ความ​นับถือ ฤทธิ์​อำนาจ และ​กำลัง​ตลอด​ไป อาเมน”

แล้ว​ผู้​ปกครอง​คน​หนึ่ง​ก็​ถาม​ผม​ว่า “คน​ที่​ใส่​เสื้อ​คลุม​ยาว​สี​ขาว พวก​นี้​เป็น​ใคร​และ​มา​จาก​ไหน?” ผม​ตอบ​ทันที​ว่า “ท่าน​ครับ ท่าน​ก็​รู้​อยู่​แล้ว” เขา​จึง​บอก​ผม​ว่า “พวก​เขา​เป็น​คน​ที่​ผ่าน​ความ​ทุกข์​ยาก​ลำบาก​ครั้ง​ใหญ่ และ​ได้​ซัก​เสื้อ​คลุม​ของ​ตัว​เอง​และ​ทำ​ให้​ขาว​ด้วย​เลือด​ของ​ลูก​แกะ​ของ​พระเจ้า เพราะ​อย่าง​นี้ พวก​เขา​ถึง​ได้​มา​อยู่​หน้า​บัลลังก์​ของ​พระเจ้า​และ​ทำ​งาน​รับใช้​ที่​ศักดิ์สิทธิ์​ให้​พระองค์​ทั้ง​วัน​ทั้ง​คืน​ใน​วิหาร​ของ​พระองค์ และ​พระองค์​ผู้​นั่ง​บน​บัลลังก์ นั้น​จะ​กาง​เต็นท์​ของ​พระองค์​ปก​ป้อง​พวก​เขา พวก​เขา​จะ​ไม่​หิว​และ​กระหาย​อีก​เลย ดวง​อาทิตย์​และ​ความ​ร้อน​จะ​ไม่​แผด​เผา​พวก​เขา เพราะ​ลูก​แกะ​ของ​พระเจ้า ซึ่ง​อยู่​ตรง​กลาง​ที่​บัลลังก์​นั้น​ตั้ง​อยู่​จะ​เลี้ยง​ดู​พวก​เขา และ​จะ​พา​พวก​เขา​ไป​ที่​น้ำพุ​ต่าง ๆ ซึ่ง​มี​น้ำ​ที่​ให้​ชีวิต แล้ว​พระเจ้า​จะ​เช็ด​น้ำตา​ทุก​หยด​จาก​ตา​ของ​พวก​เขา”" (วิวรณ์ 7:9-17) (ฝูงชนจำนวนมากของทุกประเทศจะรอดชีวิตจากความยากลำบากครั้งใหญ่)

อาณาจักรของพระเจ้าจะปกครองโลก

"จาก​นั้น ผม​เห็น​ฟ้า​สวรรค์​ใหม่​และ​โลก​ใหม่ ฟ้า​สวรรค์​เก่า​และ​โลก​เก่า​นั้น​สูญ​สิ้น​ไป​แล้ว และ​ไม่​มี​ทะเล+อีก​ต่อ​ไป ผม​เห็น​เมือง​บริสุทธิ์​ด้วย คือ​เยรูซาเล็ม​ใหม่​ที่​กำลัง​ลง​มา​จาก​สวรรค์ เมือง​นั้น​มา​จาก​พระเจ้า และ​เตรียม​ไว้​พร้อม​เหมือน​เจ้าสาว​ที่​แต่ง​ตัว​อย่าง​สวย​งาม​สำหรับ​เจ้าบ่าว  แล้ว​ผม​ได้​ยิน​เสียง​ดัง​จาก​บัลลังก์​นั้น​บอก​ว่า “ดู​นั่น​สิ เต็นท์​ศักดิ์สิทธิ์*ของ​พระเจ้า​อยู่​กับ​มนุษย์​แล้ว พระองค์​จะ​อยู่​กับ​พวก​เขา และ​พวก​เขา​จะ​เป็น​ประชาชน​ของ​พระองค์ พระเจ้า​จะ​อยู่​กับ​พวก​เขา  และ​พระเจ้า​จะ​เช็ด​น้ำตา​ทุก​หยด​จาก​ตา​ของ​พวก​เขา ความ​ตาย​จะ​ไม่​มี​อีก​ต่อ​ไป ความ​โศก​เศร้า​หรือ​เสียง​ร้องไห้​เสียใจ​หรือ​ความ​เจ็บ​ปวด​จะ​ไม่​มี​อีก​เลย สิ่ง​ที่​เคย​มี​อยู่​นั้น​ผ่าน​พ้น​ไป​แล้ว”" (วิวรณ์ 21:1-4) (อาณาจักรของพระเจ้าบนโลก; เจ้าชาย; นักบวช; เลวี)

“ทุกคนที่ทำดี ขอให้ชื่นชมกับสิ่งที่พระยะโฮวาทำและมีความสุข ทุกคนที่มีหัวใจซื่อตรง ขอให้โห่ร้องด้วยความยินดี” (สดุดี 32:11)

“ทุกคนที่ทำดี ขอให้ชื่นชมกับสิ่งที่พระยะโฮวาทำและมีความสุข ทุกคนที่มีหัวใจซื่อตรง ขอให้โห่ร้องด้วยความยินดี” (สดุดี 32:11)

คนชอบธรรมจะดำรงอยู่เป็นนิตย์และคนชั่วจะพินาศ

“คน​ที่​จิตใจ​อ่อนโยน ก็​มี​ความ​สุข เพราะ​เขา​จะ​ได้​รับ​โลก​เป็น​รางวัล” (มัทธิว 5:5)

"อีก​หน่อย​จะ​ไม่​มี​คน​ชั่ว​เลย ถึง​จะ​มอง​หา​ใน​ที่​ที่​พวก​เขา​เคย​อยู่ คุณ​ก็​จะ​ไม่​เจอ​พวก​เขา แต่​คน​ที่​อ่อนน้อม​ถ่อม​ตน​จะ​ได้​อยู่​ใน​โลก พวก​เขา​จะ​ชื่นชม​ยินดี​และ​มี​แต่​ความ​สงบ​สุข คน​ชั่ว​วาง​แผน​ทำ​ร้าย​คน​ดี เขา​กัด​ฟัน​เพราะ​โกรธ​คน​ดี​มาก แต่​พระ​ยะโฮวา​จะ​หัวเราะ​ใส่​คน​ชั่ว เพราะ​พระองค์​รู้​ว่า​วัน​หนึ่ง​เขา​จะ​ถูก​ทำลาย คน​ชั่ว​ชัก​ดาบ​ออก​มา​และ​โก่ง​คัน​ธนู เพื่อ​จะ​กำจัด​คน​ที่​ทุกข์​ลำบาก​และ​คน​จน เพื่อ​จะ​ฆ่า​คน​ที่​ซื่อ​ตรง แต่​ดาบ​นั้น​จะ​แทง​หัวใจ​ของ​พวก​เขา​เอง และ​คัน​ธนู​ของ​พวก​เขา​จะ​ถูก​หัก (...) เพราะ​แขน​ของ​คน​ชั่ว​จะ​ถูก​หัก แต่​พระ​ยะโฮวา​จะ​ช่วยเหลือ​คน​ดี (...) แต่​คน​ชั่ว​จะ​พินาศ ศัตรู​ของ​พระ​ยะโฮวา​จะ​หาย​ไป​เหมือน​ความ​งาม​ของ​ทุ่ง​หญ้า พวก​เขา​จะ​สลาย​ไป​เหมือน​ควัน (...) คน​ดี จะ​ได้​อยู่​ใน​โลก พวก​เขา​จะ​ได้​อยู่​ใน​โลก​ตลอด​ไป (...) รอ​คอย​พระ​ยะโฮวา และ​ใช้​ชีวิต​ตาม​แนว​ทาง​ของ​พระองค์ แล้ว​พระองค์​จะ​ยกย่อง​คุณ​และ​ให้​คุณ​ได้​อยู่​ใน​โลก คุณ​จะ​ได้​เห็น ตอน​ที่​คน​ชั่ว​ถูก​ทำลาย (...) ลอง​สังเกต​ดู​คน​ที่​ไม่​มี​ตำหนิ และ​คอย​ดู​คน​ซื่อ​ตรง เพราะ​ใน​วัน​ข้าง​หน้า​เขา​จะ​มี​สันติ​สุข แต่​ทุก​คน​ที่​ทำ​บาป​จะ​ถูก​ทำลาย และ​คน​ชั่ว​จะ​ไม่​มี​อนาคต พระ​ยะโฮวา​จะ​ช่วย​คน​ดี​ให้​รอด พระองค์​เป็น​ป้อม​ปราการ​ของ​พวก​เขา​ใน​เวลา​ทุกข์​ยาก พระ​ยะโฮวา​จะ​ช่วย​พวก​เขา​ให้​พ้น​ภัย พระองค์​จะ​ช่วย​พวก​เขา​ให้​รอด​จาก​คน​ชั่ว เพราะ​พวก​เขา​หวัง​พึ่ง​พระองค์" (สดุดี 37:10-15, 17, 20, 29, 34, 37-40)

“ดัง​นั้น ลูก​ต้อง​เดิน​ใน​แนว​ทาง​ของ​คน​ดี และ​อยู่​บน​หน​ทาง​ของ​คน​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง เพราะ​คน​ซื่อ​ตรง​จะ​ได้​อยู่​บน​โลก และ​คน​ดี​ไม่​มี​ที่​ติ จะ​อยู่​บน​โลก​ต่อ​ไป แต่​คน​ชั่ว​จะ​ถูก​ทำลาย​ให้​หมด​ไป​จาก​โลก และ​คน​ทรยศ​จะ​ถูก​กำจัด​ให้​สิ้น​ซาก (...) คน​ดี​จะ​ได้​รับ​พร แต่​คน​ชั่ว​พูด​กลบเกลื่อน​เจตนา​ร้าย​ของ​ตัว​เอง ชื่อเสียง​ของ คน​ดี​จะ​ทำ​ให้​เขา​ได้​รับ​พร แต่​ชื่อเสียง​ของ​คน​ชั่ว​จะ​เสีย​ไป" (สุภาษิต 2:20-22; 10:6,7)

สงครามจะยุติลงจะมีสันติสุขในใจและทั่วแผ่นดิน

"คุณ​เคย​ได้​ยิน​คำ​พูด​ที่​ว่า ‘ให้​รัก​เพื่อน​บ้าน และ​เกลียด​ชัง​ศัตรู’ แต่​ผม​จะ​บอก​คุณ​ว่า ให้​รัก​ศัตรู​ของ​คุณ และ​อธิษฐาน​เผื่อ​คน​ที่​ข่มเหง​คุณ ถ้า​ทำ​อย่าง​นั้น คุณ​ก็​จะ​เป็น​ลูก​แท้ ๆ ของ​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ใน​สวรรค์ เพราะ​พระองค์​ให้​ดวง​อาทิตย์​ส่อง​แสง​แก่​ทั้ง​คน​ดี​และ​คน​ชั่ว และ​ให้​ฝน​ตก​แก่​ทั้ง​คน​ทำ​ดี และ​คน​ทำ​ชั่ว  ถ้า​คุณ​รัก​คน​ที่​รัก​คุณ พระเจ้า​จะ​มอง​คุณ​ว่า​พิเศษ​กว่า​คน​อื่น​ตรง​ไหน? พวก​คน​เก็บ​ภาษี​ก็​ทำ​อย่าง​นั้น​เหมือน​กัน และ​ถ้า​คุณ​ทักทาย​แต่​เพื่อน*ของ​คุณ คุณ​ทำ​อะไร​พิเศษ​กว่า​คน​อื่น ๆ หรือ? คน​ที่​ไม่​รู้​จัก​พระเจ้า​ก็​ทำ​อย่าง​นั้น​เหมือน​กัน ดัง​นั้น คุณ​ต้อง​เป็น​คน​ดี​พร้อม​เหมือน​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ใน​สวรรค์” (มัทธิว 5:43-48)

“ถ้า​คุณ​ให้​อภัย​คน​ที่​ทำ​ผิด​ต่อ​คุณ พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ใน​สวรรค์​ก็​จะ​ให้​อภัย​คุณ​ด้วย แต่​ถ้า​คุณ​ไม่​ให้​อภัย​คน​อื่น พระองค์​ก็​จะ​ไม่​ให้​อภัย​คุณ​เหมือน​กัน” (มัทธิว 6:14,15)

“พระ​เยซู​บอก​คน​นั้น​ว่า “เก็บ​ดาบ​ใส่​ฝัก​ซะ เพราะ​ทุก​คน​ที่​ใช้​ดาบ​จะ​ตาย​ด้วย​ดาบ"" (มัทธิว 26:52)

“มา​สิ มา​ดู​สิ่ง​ที่​พระ​ยะโฮวา​ทำ มา​ดู​พระองค์​ทำ​สิ่ง​มหัศจรรย์​ใน​โลก​นี้ พระองค์​จะ​ทำ​ให้​ทั่ว​โลก​ไม่​มี​สงคราม​อีก​เลย พระองค์​หัก​คัน​ธนู​กับ​หอก และ​เผา​รถ​รบ ด้วย​ไฟ" (สดุดี 46:8,9)

“พระองค์​จะ​ตัดสิน​ความ​ให้​กับ​ชาติ​ต่าง ๆ และ​จะ​จัด​การ​เรื่อง​ราว​ของ​ชน​ชาติ​เหล่า​นั้น​ให้​ถูก​ต้อง​เรียบร้อย พวก​เขา​จะ​เอา​ดาบ​ตี​เป็น​ผาล​ไถ​นา และ​เอา​หอก​ตี​เป็น​มีด​ตัด​แต่ง​กิ่ง ชาติ​ต่าง ๆ จะ​ไม่​ถือ​ดาบ​เข่น​ฆ่า​กัน และ​จะ​ไม่​เรียน​ทำ​สงคราม​อีก​ต่อ​ไป" (อิสยาห์ 2:4)

“ใน​สมัย​สุด​ท้าย ภูเขา​ที่​มี​วิหาร​ของ​พระ​ยะโฮวา​ตั้ง​อยู่ จะ​ตั้ง​มั่นคง​และ​สูง​กว่า​ภูเขา​อื่น ๆ และ​จะ​ถูก​ยก​ให้​สูง​เด่น​กว่า​ภูเขา​ทุก​ลูก ผู้​คน​จาก​ทุก​ชาติ​จะ​หลั่งไหล​ไป​ที่​นั่น ชน​ชาติ​ต่าง ๆ จะ​พา​กัน​ไป​และ​พูด​ว่า “ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​ของ​พระ​ยะโฮวา​กัน​เถอะ ไป​ที่​วิหาร​ของ​พระเจ้า​ของ​ยาโคบ พระองค์​จะ​สอน​เรา​ให้​รู้​แนว​ทาง​ของ​พระองค์ และ​เรา​จะ​ได้​ใช้​ชีวิต​ตาม​แนว​ทาง​นั้น” เพราะ​คำ​สั่ง​สอน*จะ​มา​จาก​ศิโยน และ​คำ​สอน​ของ​พระ​ยะโฮวา​จะ​มา​จาก​เยรูซาเล็ม พระองค์​จะ​ตัดสิน​ความ​ให้​กับ​ชน​ชาติ​ต่าง ๆ และ​จะ​จัด​การ​เรื่อง​ราว​ของ​ชน​ชาติ​ที่​อยู่​ห่าง​ไกล​ให้​ถูก​ต้อง​เรียบร้อย พวก​เขา​จะ​เอา​ดาบ​ตี​เป็น​ผาล​ไถ​นา และ​เอา​หอก​ตี​เป็น​มีด​ตัด​แต่ง​กิ่ง ชาติ​ต่าง ๆ จะ​ไม่​ถือ​ดาบ​เข่น​ฆ่า​กัน และ​จะ​ไม่​เรียน​ทำ​สงคราม​อีก​ต่อ​ไป พวก​เขา​จะ​ได้​นั่ง ใต้​ต้น​องุ่น​และ​ต้น​มะเดื่อ​ของ​ตัว​เอง จะ​ไม่​มี​ใคร​ทำ​ให้​พวก​เขา​กลัว พระ​ยะโฮวา​ผู้​เป็น​จอม​ทัพ​บอก​ว่า​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น" (มีคา 4:1-4)

จะมีอาหารมากมายทั่วโลก

“จะ​มี​ข้าว​มาก​มาย​ใน​แผ่นดิน บน​ยอด​เขา​ทั้ง​หลาย​จะ​มี​ข้าว​อุดม​สมบูรณ์ พืช​ผล​ของ​เขา​จะ​งอกงาม​เหมือน​ที่​เลบานอน และ​จะ​มี​ประชาชน​อยู่​ใน​เมือง​ต่าง ๆ เหมือน​ต้น​ไม้​ใบ​หญ้า​ใน​แผ่นดิน” (สดุดี 72:16)

“พระองค์​จะ​ให้​ฝน​แก่​เมล็ด​พืช​ที่​คุณ​หว่าน​ลง​ใน​ดิน และ​อาหาร​ซึ่ง​เป็น​ผล​ผลิต​จาก​ดิน​จะ​อุดม​สมบูรณ์​และ​มี​ประโยชน์ ใน​วัน​นั้น สัตว์​ของ​คุณ​จะ​หา​กิน​อยู่​ใน​ทุ่ง​กว้าง” (อิสยาห์ 30:23)

ปาฏิหาริย์ของพระเยซูคริสต์เพื่อเสริมสร้างศรัทธาในความหวังของชีวิตนิรันดร์

"ที่​จริง พระ​เยซู​ยัง​ทำ​อะไร​อีก​มาก​มาย ถ้า​จะ​เขียน​ไว้​ทั้ง​หมด​ละ​ก็ ผม​คิด​ว่า​โลก​นี้​คง​ไม่​มี​ที่​พอ​จะ​เก็บ​ม้วน​หนังสือ​ทั้ง​หมด​นั้น​ได้" (จอห์น 21:25)

พระเยซูคริสต์และการอัศจรรย์ครั้งแรกที่เขียนไว้ในข่าวประเสริฐของยอห์น พระองค์ทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น: "อง​วัน​ต่อ​มา มี​งาน​แต่งงาน​ที่​เมือง​คานา​ใน​แคว้น​กาลิลี แม่​ของ​พระ​เยซู​ก็​อยู่​ใน​งาน​เลี้ยง​นั้น พระ​เยซู​กับ​พวก​สาวก​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ไป​ร่วม​งาน​ด้วย เมื่อ​เหล้า​องุ่น​ใกล้​หมด แม่​ของ​พระ​เยซู​มา​บอก​ท่าน​ว่า “ทำ​ยัง​ไง​ดี เหล้า​องุ่น​จะ​หมด​แล้ว?” แต่​พระ​เยซู​ตอบ​เธอ​ว่า “เรา​อย่า​ไป​กังวล​เลย​แม่ ตอน​นี้​ยัง​ไม่​ถึง​เวลา​ของ​ผม” แม่​ของ​ท่าน​จึง​บอก​พวก​คน​รับใช้​ว่า “พวก​คุณ​คอย​ทำ​ตาม​ที่​เขา​สั่ง​นะ” ที่​นั่น​มี​โอ่ง​หิน​ตั้ง​อยู่ 6 ใบ​เพื่อ​ใช้​ใน​พิธี​ชำระ​ล้าง​ตาม​กฎ​ของ​ชาว​ยิว แต่​ละ​ใบ​จุ​น้ำ​ได้​ประมาณ 2 หรือ 3 ถัง พระ​เยซู​บอก​พวก​คน​รับใช้​ว่า “เอา​น้ำ​ใส่​โอ่ง​ให้​เต็ม” พวก​เขา​ก็​เอา​น้ำ​ใส่​จน​เต็ม​ถึง​ปาก​โอ่ง แล้ว​ท่าน​สั่ง​อีก​ว่า “ตัก​ไป​ให้​ผู้​ดู​แล​งาน​เลี้ยง​สิ” พวก​เขา​ก็​ทำ​ตาม  ตอนที่​ผู้​ดู​แล​งาน​เลี้ยง​ชิม​น้ำ​นั้น มัน​กลาย​เป็น​เหล้า​องุ่น​ไป​แล้ว เขา​ไม่​รู้​ว่า​มัน​มา​จาก​ไหน แต่​พวก​คน​รับใช้​รู้ ผู้​ดู​แล​งาน​เลี้ยง​เรียก​เจ้าบ่าว​มา  และ​พูด​กับ​เขา​ว่า “ใคร ๆ เขา​ก็​เอา​เหล้า​องุ่น​ดี ๆ มา​ให้​ดื่ม​ก่อน เมื่อ​แขก​เมา​แล้ว​ค่อย​เอา​ที่​ไม่​ค่อย​ดี​มา​ให้ แต่​คุณ​กลับ​เก็บ​เหล้า​องุ่น​ดี ๆ ไว้​จน​ถึง​ตอน​นี้”  พระ​เยซู​ทำ​การ​อัศจรรย์​ครั้ง​แรก​นี้​ที่​เมือง​คานา​ใน​แคว้น​กาลิลี เพื่อ​เป็น​หลักฐาน​บอก​ฐานะ​และ​อำนาจ​ของ​ท่าน ทำ​ให้​พวก​สาวก​มี​ความ​เชื่อ​ใน​ตัว​ท่าน" (ยอห์น 2:1-11)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาบุตรผู้รับใช้ของกษัตริย์: "แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ไป​ที่​เมือง​คานา​ใน​แคว้น​กาลิลี​ซึ่ง​เป็น​เมือง​ที่​ท่าน​เคย​เปลี่ยน​น้ำ​ให้​เป็น​เหล้า​องุ่น มีข้าราชการ​คน​หนึ่ง​ใน​เมือง​คาเปอร์นาอุม​ที่​ลูก​ชาย​ป่วย​อยู่  เมื่อ​ข้าราชการ​คน​นั้น​ได้​ข่าว​ว่า​พระ​เยซู​ออก​จาก​แคว้น​ยูเดีย​มา​ที่​แคว้น​กาลิลี เขา​ก็​เดิน​ทาง​มา​หา​ท่าน​และ​ขอ​ให้​ไป​รักษา​ลูก​ชาย​ของ​เขา​ที่​กำลัง​จะ​ตาย  แต่​พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “พวก​คุณ​ที่​อยู่​ใน​แถบ​นี้​ไม่​เชื่อ​ผม​หรอก ถ้า​ไม่​ได้​เห็น​การ​อัศจรรย์​และ​ปาฏิหาริย์​ก่อน”  ข้าราชการ​คน​นั้น​อ้อน​วอน​ท่าน​ว่า “ท่าน​ครับ ช่วย​ไป​กับ​ผม​ด้วย​เถอะ ไม่​อย่าง​นั้น​ลูก​ของ​ผม​ตาย​แน่”  พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “กลับ​ไป​เถอะ ลูก​ชาย​ของ​คุณ​หาย​ดี​แล้ว” เขา​เชื่อ​คำ​พูด​ของ​ท่าน​แล้ว​ก็​ไป  ระหว่าง​ทาง ทาส​ของ​เขา​มา​ส่ง​ข่าว​ว่า​ลูก​ชาย​หาย​เป็น​ปกติ​แล้ว  เขา​จึง​ถาม​ว่า​ลูก​ชาย​เขา​หาย​ป่วย​ตั้ง​แต่​เมื่อ​ไร พวก​ทาส​ตอบ​ว่า “ลูก​ชาย​ท่าน​หาย​ไข้​ตั้ง​แต่​เมื่อ​วาน​นี้​ตอน​บ่าย​โมง ครับ”  พ่อ​ของ​เด็ก​จึง​รู้​ว่า​เป็น​เวลา​เดียว​กับ​ที่​พระ​เยซู​พูด​ว่า “ลูก​ชาย​ของ​คุณ​หาย​ดี​แล้ว” ตัว​เขา​และ​ทุก​คน​ใน​บ้าน​จึง​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู  นี่​เป็น​การ​อัศจรรย์​ครั้ง​ที่​สอง ซึ่ง​พระ​เยซู​ทำ​ที่​แคว้น​กาลิลี​หลัง​ออก​จาก​แคว้น​ยูเดีย" (ยอห์น 4:46-54)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาชายที่ถูกผีสิงในเมืองคาเปอรนาอุม: "พระ​เยซู​ไป​ที่​เมือง​คาเปอร์นาอุม​ใน​แคว้น​กาลิลี และ​สอน​ประชาชน​ใน​วัน​สะบาโต  คน​ที่​ได้​ฟัง​ก็​รู้สึก​ทึ่ง​กับ​วิธี​สอน​ของ​พระ​เยซู เพราะ​ท่าน​สอน​แบบ​คน​ที่​ได้​รับ​อำนาจ​จาก​พระเจ้า  ใน​ที่​ประชุม​นั้น มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​ถูก​ปีศาจ​ร้าย​สิง​อยู่ เขา​ตะโกน​เสียง​ดัง​ว่า  “เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ มา​ยุ่ง​กับ​พวก​เรา​ทำไม? จะ​มา​ทำลาย​พวก​เรา​หรือ​ไง? เรา​รู้​นะ​ว่า​ท่าน​เป็น​ใคร ท่าน​เป็น​ผู้​บริสุทธิ์​ของ​พระเจ้า”  แต่​พระ​เยซู​ห้าม​มัน​ว่า “เงียบ! ออก​ไป​จาก​เขา​เดี๋ยว​นี้” ปีศาจ​ก็​ทำ​ให้​คน​นั้น​ล้ม​ลง​กลาง​ฝูง​ชน​แล้ว​ออก​ไป​จาก​เขา​โดย​ไม่​ได้​ทำ​อันตราย  ทุก​คน​ประหลาด​ใจ​และ​พูด​กัน​ว่า “อะไร​กัน​นี่? คำ​พูด​ของ​เขา​มี​พลัง​อำนาจ​ถึง​ขนาด​สั่ง​ปีศาจ​ร้าย​ให้​ออก​มา​ได้​เลย​หรือ?”  เรื่อง​ของ​พระ​เยซู​ก็​เล่า​ลือ​ไป​ทั่ว​แถบ​นั้น" (ลูกา 4:31-37)

พระเยซูคริสต์ทรงขับผีออกในดินแดนแห่งกาดารีน (ปัจจุบันคือจอร์แดน ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ใกล้ทะเลสาบทิเบเรียส): "แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ไป​ถึง​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง​ใน​เขต​แดน​ของ​ชาว​กาดารา ที่​นั่น​มี​ผู้​ชาย 2 คน​ที่​ถูก​ปีศาจ​สิง พวก​เขา​ออก​มา​จาก​สุสาน​และ​มา​เจอ​ท่าน สอง​คน​นี้​ดุ​ร้าย​มาก​จน​ไม่​มี​ใคร​กล้า​เดิน​ผ่าน​ทาง​นั้น​เลย  พวก​เขาร้อง​โวยวาย​ว่า “ลูก​ของ​พระเจ้า มา​ยุ่ง​กับ​พวก​เรา​ทำไม? จะ​มา​ทรมาน​พวก​เรา ก่อน​เวลา​ที่​พระเจ้า​กำหนด​ไว้​หรือ?”  ไกล​จาก​ที่​นั่น​พอ​สม​ควร มี​หมู​ฝูง​ใหญ่​กำลัง​หา​กิน​อยู่  ปีศาจ​พวก​นั้น​จึง​ขอร้อง​พระ​เยซู​ว่า “ถ้า​จะ​ขับ​ไล่​พวก​เรา​ออก​ไป ขอ​ให้​พวก​เรา​ไป​เข้า​สิง​ใน​หมู​ฝูง​นั้น​แทน​เถอะ”  ท่าน​บอก​พวก​มัน​ว่า “ไป​สิ” พวก​มัน​ก็​ออก​ไป​เข้า​สิง​ใน​หมู​พวก​นั้น แล้ว​หมู​ทั้ง​ฝูง​ก็​กระโดด​จาก​หน้าผา​ลง​ไป​ใน​ทะเลสาบ​และ​จม​น้ำ​ตาย​หมด  ส่วน​คน​เลี้ยง​หมู​ก็​วิ่ง​หนี​เข้า​ไป​ใน​เมือง และ​เล่า​เรื่อง​ที่​เกิด​ขึ้น​ทั้ง​หมด​ให้​ชาว​เมือง​ฟัง รวม​ทั้ง​เรื่อง​ผู้​ชาย​สอง​คน​ที่​ถูก​ปีศาจ​สิง​ด้วย  คน​ทั้ง​เมือง​จึง​มา​หา​พระ​เยซู เมื่อ​เจอ​ท่าน​แล้ว พวก​เขา​ก็​ขอ​ให้​ท่าน​ออก​ไป​จาก​เขต​แดน​ของ​เขา" (มัทธิว 8:28-34)

พระเยซูคริสต์รักษาแม่เลี้ยงของอัครสาวกเปโตร: "ตอน​ที่​พระ​เยซู​มา​ถึง​บ้าน​ของ​เปโตร ท่าน​เห็น​แม่ยาย​ของ​เขา นอน​ป่วย​เป็น​ไข้​อยู่  พระ​เยซู​จึง​แตะ​มือ​เธอ เธอ​ก็​หาย​ไข้​แล้ว​ลุก​ขึ้น​มา​รับใช้​ท่าน" (มัทธิว 8:14,15)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาชายคนหนึ่งที่มือเป็นอัมพาต: "วัน​สะบาโต​อีก​วัน​หนึ่ง พระ​เยซู​เข้า​ไป​สอน​ใน​ที่​ประชุม​ของ​ชาว​ยิว มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​มือ​ขวา​ลีบ​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย  พวก​ครู​สอน​ศาสนา​กับ​พวก​ฟาริสี​คอย​จ้อง​จับ​ผิด​พระ​เยซู​ว่า​จะ​รักษา​โรค​ใน​วัน​สะบาโต​ไหม  แต่​ท่าน​รู้​ว่า​พวก​เขา​คิด​อะไร​อยู่ จึง​พูด​กับ​คน​มือ​ลีบ​ว่า “ลุก​ขึ้น​มา​ยืน​ข้าง​หน้า​นี้​หน่อย” เขา​ก็​ลุก​ขึ้น​ยืน  แล้ว​พระ​เยซู​พูด​กับ​พวก​นั้น​ว่า “ขอ​ถาม​หน่อย ตาม​กฎ​วัน​สะบาโต ควร​ทำ​ดี​หรือ​ทำ​ชั่ว ควร​ช่วย​ชีวิต​หรือ​ทำลาย​ชีวิต?”  พระ​เยซู​กวาด​สายตา​มอง​ผู้​คน​ที่​อยู่​รอบ ๆ แล้ว​พูด​กับ​ผู้​ชาย​มือ​ลีบ​ว่า “เหยียด​มือ​ออก​มา​สิ” เขา​ก็​เหยียด​มือ​ออก และ​มือ​ที่​ลีบ​ก็​หาย​เป็น​ปกติ  พวก​ครู​สอน​ศาสนา​กับ​พวก​ฟาริสี​โกรธ​แค้น​มาก​และ​ปรึกษา​กัน​ว่า​จะ​จัด​การ​กับ​พระ​เยซู​อย่าง​ไร" (ลูกา 6:6-11)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาชายที่มีอาการท้องมาน (อาการบวมน้ำ การสะสมของของเหลวในร่างกายมากเกินไป): "ครั้ง​หนึ่ง​ใน​วัน​สะบาโต พระ​เยซู​ไป​กิน​อาหาร​ที่​บ้าน​ของ​ผู้​นำ​ฟาริสี​คน​หนึ่ง คน​ที่​นั่น​คอย​จับตา​ดู​ท่าน​อยู่  มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​เป็น​โรค​บวม​น้ำ​อยู่​ตรง​หน้า​พระ​เยซู​ด้วย  พระ​เยซู​จึง​ถาม​พวก​ที่​เชี่ยวชาญ​กฎหมาย​ของ​โมเสส​และ​พวก​ฟาริสี​ว่า “ผิด​ไหม​ถ้า​จะ​รักษา​โรค​ใน​วัน​สะบาโต?”  แต่​พวก​เขา​ไม่​ตอบ​อะไร พระ​เยซู​จึง​วาง​มือ​บน​ผู้​ชาย​คน​นั้น รักษา​เขา และ​ให้​เขา​กลับ​ไป  แล้ว​ท่าน​หัน​มา​ถาม​พวก​เขา​ว่า “ถ้า​ลูก​ชาย​หรือ​วัว​ของ​คุณ​ตก​บ่อ ใน​วัน​สะบาโต คุณ​จะ​ไม่​รีบ​ดึง​ขึ้น​มา​หรือ?”  พวก​เขา​ก็​พูด​ไม่​ออก" (ลูกา 14:1-6)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาชายตาบอด: "เมื่อ​พระ​เยซู​เดิน​ทาง​ใกล้​ถึง​เมือง​เยรีโค มี​ผู้​ชาย​ตา​บอด​คน​หนึ่ง​นั่ง​ขอ​ทาน​อยู่​ริม​ทาง เมื่อ​เขา​ได้​ยิน​เสียง​คน​มาก​มาย​เดิน​ผ่าน​ไป เขา​ก็​ถาม​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น มี​คน​บอก​เขา​ว่า “เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ​กำลัง​ผ่าน​มา​ทาง​นี้” เขา​จึง​ร้อง​ว่า “ท่าน​เยซู ลูก​หลาน​ดาวิด ขอ​เมตตา​ผม​ด้วย” คน​ที่​เดิน​อยู่​ข้าง​หน้า​จึง​บอก​เขา​ให้​เงียบ แต่​เขา​กลับ​ร้อง​ตะโกน​ดัง​ขึ้น​อีก​ว่า “ท่าน​ผู้​เป็น​ลูก​หลาน​ดาวิด​ครับ ขอ​เมตตา​ผม​ด้วย” พระ​เยซู​จึง​หยุด​เดิน​และ​สั่ง​ให้​พา​คน​นั้น​มา​หา แล้ว​ท่าน​ก็​ถาม​เขา​ว่า  “มี​อะไร​ให้​ผม​ช่วย​ไหม?” เขา​ตอบ​ว่า “นาย​ท่าน ช่วย​ทำ​ให้​ผม​มอง​เห็น​ด้วย​เถอะ” พระ​เยซู​จึง​บอก​เขา​ว่า “ได้​สิ มอง​เห็น​เถอะ ความ​เชื่อ​ของ​คุณ​ทำ​ให้​คุณ​หาย​เป็น​ปกติ​แล้ว” ทันใด​นั้น เขา​ก็​มอง​เห็น​ได้ แล้ว​เดิน​ตาม​พระ​เยซู​ไป พร้อม​กับ​สรรเสริญ​พระเจ้า เมื่อ​ประชาชน​เห็น​อย่าง​นั้น​ก็​พา​กัน​สรรเสริญ​พระเจ้า​ด้วย" (ลูกา 18:35-43)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาคนตาบอดสองคน: "เมื่อ​พระ​เยซู​เดิน​ทาง​ต่อ​ไป​ก็​มี​ผู้​ชาย​ตา​บอด 2 คน เดิน​ตาม​ท่าน​และ​ร้อง​ว่า “ท่าน​ผู้​เป็น​ลูก​หลาน​ดาวิด​ครับ ขอ​เมตตา​พวก​เรา​ด้วย”  พอ​พระ​เยซู​เข้า​ไป​ใน​บ้าน ผู้​ชาย​ตา​บอด​สอง​คน​นั้น​ก็​ตาม​เข้า​ไป ท่าน​จึง​ถาม​พวก​เขา​ว่า “คุณ​เชื่อ​จริง ๆ หรือ​ว่า​ผม​ทำ​ให้​คุณ​มอง​เห็น​ได้?” ทั้ง​สอง​ตอบ​ว่า “เชื่อ​ครับ​ท่าน” พระ​เยซู​จึง​แตะ​ที่​ตา​พวก​เขา และ​พูด​ว่า “ถ้า​อย่าง​นั้น​ก็​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ที่​คุณ​เชื่อ​เถอะ”  แล้ว​พวก​เขา​ก็​มอง​เห็น และ​พระ​เยซู​สั่ง​พวก​เขา​ว่า “อย่า​บอก​เรื่อง​นี้​ให้​ใคร​รู้”  แต่​เมื่อ​พวก​เขา​ออก​ไป​แล้ว​ก็​เล่า​เรื่อง​ของ​ท่าน​จน​ลือ​กัน​ไป​ทั่ว​เขต​นั้น" (มัทธิว 9:27-31)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาคนหูหนวก: “พระ​เยซู​ออก​จาก​บริเวณ​เมือง​ไทระ แล้ว​เดิน​ทาง​ผ่าน​เมือง​ไซดอน ผ่าน​เขต​เดคาโปลิส จน​ถึง​ทะเลสาบ​กาลิลี  ที่​นั่น มี​คน​พา​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​หู​หนวก​และ​พูด​ไม่​ค่อย​ได้​มา​หา​ท่าน และ​ขอร้อง​ท่าน​ให้​วาง​มือ​บน​เขา  พระ​เยซู​จึง​พา​เขา​แยก​ออก​มา​จาก​ฝูง​ชน แหย่​นิ้ว​มือ​เข้า​ไป​ใน​หู​ทั้ง​สอง​ข้าง​ของ​เขา บ้วน​น้ำลาย แล้ว​เอา​มา​แตะ​ที่​ลิ้น​ของ​เขา  ท่าน​เงย​หน้า​มอง​ท้องฟ้า​พร้อม​กับ​ถอน​หายใจ​ยาว ๆ และ​พูด​กับ​เขา​ว่า “เอฟฟาธา” ซึ่ง​แปล​ว่า “เปิด​ออก” หู​เขา​ก็​ได้​ยิน​ทันที ลิ้น​เขา​ก็​ไม่​ติด​ขัด และ​เริ่ม​พูด​ได้​เป็น​ปกติ  พระ​เยซู​สั่ง​ทุก​คน​ไม่​ให้​เล่า​เรื่อง​นี้​ให้​ใคร​ฟัง แต่​ยิ่ง​ห้าม พวก​เขา​ก็​ยิ่ง​บอก​เรื่อง​นี้​ไป​ทั่ว  พวก​เขา​รู้สึก​ทึ่ง และ​พูด​กัน​ว่า “คน​คน​นี้​ทำ​แต่​เรื่อง​ดี ๆ ขนาด​คน​หู​หนวก​เขา​ยัง​ทำ​ให้​ได้​ยิน​และ​คน​ใบ้​เขา​ก็​ทำ​ให้​พูด​ได้”” (มาระโก 7:31-37)

พระเยซูคริสต์รักษาคนโรคเรื้อน: "มี​คน​โรค​เรื้อน​คน​หนึ่ง​มา​หา​พระ​เยซู เขา​ถึง​กับ​คุกเข่า​ลง​อ้อน​วอน​ท่าน​ว่า “เพียง​แค่​ท่าน​อยาก​ช่วย ท่าน​ก็​จะ​รักษา​ผม​ได้”  พระ​เยซู​รู้สึก​สงสาร​เขา จึง​ยื่น​มือ​ออก​สัมผัส​ตัว​เขา​และ​พูด​ว่า “ผม​อยาก​ช่วย หาย​โรค​เถอะ” แล้ว​เขา​ก็​หาย​จาก​โรค​เรื้อน​ทันที" (มาระโก 1:40-42)

การรักษาคนโรคเรื้อนสิบคน: "ตอน​ที่​พระ​เยซู​เดิน​ทาง​ไป​กรุง​เยรูซาเล็ม ท่าน​ใช้​เส้น​ทาง​ที่​อยู่​ระหว่าง​แคว้น​สะมาเรีย​กับ​แคว้น​กาลิลี เมื่อ​พระ​เยซู​เข้า​ไป​ใน​หมู่​บ้าน​แห่ง​หนึ่ง มี​คน​โรค​เรื้อน 10 คน​เห็น​ท่าน แต่​พวก​เขา​ยืน​อยู่​ห่าง ๆ  และร้อง​ตะโกน​ว่า “อาจารย์​เยซู ขอ​เมตตา​พวก​เรา​ด้วย”  เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​พวก​เขา​ก็​พูด​ว่า “ไป​หา​ปุโรหิต​แล้ว​ให้​พวก​เขา​ตรวจ​ดู” และ​ตอน​ที่​อยู่​กลาง​ทาง​นั้น​เอง พวก​เขา​ก็​หาย​โรค  คน​หนึ่ง​ใน​นั้น เมื่อ​เห็น​ว่า​หาย​โรค​แล้ว ก็​ย้อน​กลับ​มา​พร้อม​กับ​สรรเสริญ​พระเจ้า​เสียง​ดัง  เขา​หมอบ​ลง​ที่​เท้า​ของ​พระ​เยซู​และ​ขอบคุณ​ท่าน ผู้​ชาย​คน​นี้​เป็น​คน​สะมาเรีย  พระ​เยซู​ถาม​ว่า “มี​ตั้ง 10 คน​หาย​โรค​ไม่​ใช่​หรือ? แล้ว​อีก 9 คน​อยู่​ไหน​ล่ะ?  ไม่​มี​ใคร​กลับ​มา​สรรเสริญ​พระเจ้า​เลย​หรือ​นอก​จาก​คน​นี้​ที่​เป็น​คน​ต่าง​ชาติ?”  แล้ว​ท่าน​บอก​เขา​ว่า “ลุก​ขึ้น​กลับ​ไป​เถอะ ความ​เชื่อ​ของ​คุณ​ทำ​ให้​คุณ​หาย​โรค​แล้ว”" (ลูกา 17:11-19)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาอัมพาต: "หลัง​จาก​นั้น มี​เทศกาล ของ​ชาว​ยิว และ​พระ​เยซู​ไป​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม ใกล้ ๆ ประตู​แห่ง​หนึ่ง​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม​ที่​ชื่อ​ประตู​แกะ มี​สระ​น้ำ​ที่​เรียก​ใน​ภาษา​ฮีบรู​ว่า​เบธซาธา ซึ่ง​มี​ระเบียง​ทาง​เดิน 5 ระเบียง มี​คน​มาก​มาย​ที่​ป่วย ตา​บอด ขา​พิการ และ​แขน​ขา​ลีบ มา​นอน​อยู่​ที่​ระเบียง ที่​นั่น​มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​ป่วย​มา 38 ปี​แล้ว เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​เขา​นอน​อยู่​และ​รู้​ว่า​เขา​ป่วย​มา​นาน ท่าน​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “คุณ​อยาก​หาย​ป่วย​ไหม?”  ผู้​ชาย​ที่​ป่วย​นั้น​ตอบ​ว่า “คุณ​ครับ ไม่​มี​ใคร​ช่วย​พา​ผม​ลง​ไป​ใน​สระ​เลย​ตอน​ที่​น้ำ​กระเพื่อม พอ​ผม​จะ​ลง​ไป คน​อื่น​ก็​แย่ง​ลง​ไป​ก่อน” พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “ลุก​ขึ้น เก็บ​เสื่อ*ขึ้น​มา แล้ว​เดิน​ไป​เถอะ”  ผู้​ชาย​คน​นั้น​ก็​หาย​ป่วย​ทันที แล้ว​เขา​ก็​เก็บ​เสื่อ*ของ​เขา​และ​เดิน​ไป" (ยอห์น 5:1-9)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาโรคลมบ้าหมู: “เมื่อ​พระ​เยซู​กับ​สาวก​ทั้ง​สาม​เดิน​มา​ตรง​ที่​ฝูง​ชน​อยู่ ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ก็​เข้า​มา​หา​ท่าน​และ​คุกเข่า​ลง​อ้อน​วอน​ว่า “นาย​ท่าน ขอ​เมตตา​ลูก​ชาย​ผม​ด้วย เขา​ป่วย​เป็น​โรค​ลม​ชัก เขา​ชัก​จน​ตก​ลง​ไป​ใน​น้ำ​และ​ใน​กอง​ไฟ​บ่อย ๆ  ผม​พา​เขา​มา​หา​สาวก​ของ​ท่าน​แล้ว แต่​พวก​เขา​รักษา​ไม่​ได้”  พระ​เยซู​พูด​ว่า “คน​สมัย​นี้​ขาด​ความ​เชื่อ​และ​ไม่​มี​ศีลธรรม ผม​จะ​ต้อง​อยู่​กับ​พวก​คุณ​อีก​นาน​แค่​ไหน? จะ​ต้อง​ทน​กับ​พวก​คุณ​ไป​อีก​นาน​เท่าไหร่? ไหน พา​เด็ก​มา​ที่​นี่​สิ”  แล้ว​พระ​เยซู​สั่ง​ให้​ปีศาจ​ออก​จาก​เด็ก และ​มัน​ก็​ออก​ไป ใน​ตอน​นั้น​เอง เด็ก​ผู้​ชาย​คน​นั้น​ก็​หาย​โรค  หลัง​จาก​นั้น พวก​สาวก​เข้า​มา​คุย​กับ​พระ​เยซู​เป็น​ส่วน​ตัว​และ​ถาม​ว่า “ทำไม​พวก​ผม​ขับ​ไล่​ปีศาจ​ตน​นั้น​ไม่​ได้​ล่ะ​ครับ?”  ท่าน​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “ก็​เพราะ​พวก​คุณ​มี​ความ​เชื่อ​น้อย ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ถ้า​คุณ​มี​ความ​เชื่อ​ขนาด​เท่า​เมล็ด​มัสตาร์ด และ​สั่ง​ภูเขา​ลูก​นี้​ว่า ‘ย้าย​จาก​ที่​นี่​ไป​ที่​นั่น’ มัน​ก็​จะ​ไป จะ​ไม่​มี​อะไร​ที่​คุณ​ทำ​ไม่​ได้​เลย”” (มัทธิว 17:14-20)

พระเยซูคริสต์ทรงทำการอัศจรรย์โดยไม่รู้ตัว: "ตอน​ที่​พระ​เยซู​กำลัง​ไป​ที่​นั่น ฝูง​ชน​เบียด​เสียด​ท่าน ตอน​นั้น มี​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​ที่​มี​อาการ​ตก​เลือด มา 12 ปี​แล้ว และ​ไม่​มี​ใคร​รักษา​เธอ​ได้  เธอ​แอบ​เข้า​มา​ข้าง​หลัง​แล้ว​แตะ​ชาย​เสื้อ​ชั้น​นอก​ของ​พระ​เยซู ทันใด​นั้น​เลือด​ก็​หยุด​ไหล  พระ​เยซู​ถาม​ว่า “ใคร​มา​ถูก​ตัว​ผม?” เมื่อ​ทุก​คน​ปฏิเสธ เปโตร​จึง​บอก​ว่า “อาจารย์ มี​คน​มาก​มาย​เบียด​เสียด​ท่าน​อยู่​ไม่​ใช่​หรือ​ครับ?”  แต่​พระ​เยซู​พูด​ว่า “มี​คน​ถูก​ตัว​ผม​แน่ ๆ เพราะ​ผม​รู้สึก​ได้​ว่า​พลัง ออก​จาก​ตัว”  พอ​ผู้​หญิง​คน​นั้น​เห็น​ว่า​หลบ​ไม่​พ้น​แน่ ก็​กลัว​จน​ตัว​สั่น​และ​หมอบ​ลง​ต่อ​หน้า​ท่าน แล้ว​เธอ​ก็​บอก​ทุก​คน​ให้​รู้​ว่า​ทำไม​เธอ​ถึง​ได้​ถูก​ตัว​พระ​เยซู​และ​เธอ​หาย​โรค​ทันที​ได้​อย่าง​ไร  พระ​เยซู​ก็​พูด​กับ​เธอ​ว่า “ความ​เชื่อ​ของ​ลูก​ทำ​ให้​ลูก​หาย​โรค​แล้ว ขอ​ให้​สบาย​ใจ​เถอะ”" (ลูกา 8:42-48)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาจากระยะไกล: "มื่อ​พระ​เยซู​สอน​ประชาชน​เสร็จ​แล้ว ก็​เข้า​ไป​ใน​เมือง​คาเปอร์นาอุม ที่​นั่น​มี​นาย​ร้อย​คน​หนึ่ง​ที่​ทาส​ของ​เขา​ป่วย​หนัก​ใกล้​ตาย และ​เขา​รัก​ทาส​คน​นี้​มาก เมื่อ​นาย​ร้อย​ได้​ยิน​เรื่อง​พระ​เยซู เขา​ก็​ส่ง​ผู้​นำ​ชุมชน​ชาว​ยิว​บาง​คน​ไป​ขอ​ให้​พระ​เยซู​มา​ช่วย​รักษา​ทาส​ของ​เขา พวก​เขา​มา​หา​พระ​เยซู​และ​อ้อน​วอน​ว่า “นาย​ท่าน ขอ​ไป​ช่วย​เขา​หน่อย​เถอะ​ครับ เพราะ​เขา​รัก​คน​ใน​ชาติ​เรา​และ​สร้าง​ที่​ประชุม​ให้​พวก​เรา​ด้วย” พระ​เยซู​จึง​ไป​กับ​พวก​เขา แต่​เมื่อ​เดิน​ทาง​เกือบ​จะ​ถึง​บ้าน​ของ​นาย​ร้อย เขา​ก็​ส่ง​เพื่อน ๆ มา​บอก​พระ​เยซู​ว่า “ท่าน​ครับ อย่า​ลำบาก​เลย ผม​ไม่​ดี​พอ​ที่​จะ​ให้​ท่าน​เข้า​มา​ใน​บ้าน​ผม​หรอก  และ​ผม​ก็​คิด​ว่า​ตัว​เอง​ไม่​ดี​พอ​ที่​จะ​ไป​หา​ท่าน​ด้วย ขอ​ให้​ท่าน​สั่ง​มา​ก็​พอ แล้ว​คน​ใช้​ของ​ผม​ก็​จะหาย  อย่าง​ผม​เอง​ก็​มี​เจ้านาย​ที่​สั่ง​ผม​และ​มี​ลูก​น้อง​ที่​ผม​สั่ง​ได้​ด้วย ถ้า​ผม​สั่ง​คน​หนึ่ง​ว่า ‘ไป’ เขา​ก็​ไป หรือ​สั่ง​อีก​คน​หนึ่ง​ว่า ‘มา’ เขา​ก็​มา หรือ​สั่ง​ทาส​ของ​ผม​ให้​ไป​ทำ​นั่น​ทำ​นี่ เขา​ก็​ทำ​ตาม”  เมื่อ​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น พระ​เยซู​ก็​แปลก​ใจ​มาก และ​หัน​ไป​พูด​กับ​ผู้​คน​ที่​ตาม​ท่าน​มา​ว่า “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ผม​ไม่​เคย​เจอ​ใคร​ที่​มี​ความ​เชื่อ​มาก​ขนาด​นี้​เลย แม้​แต่​คน​อิสราเอล​เอง​ก็​เถอะ” เมื่อ​พวก​เพื่อน ๆ ที่​ถูก​ส่ง​มา​กลับ​ไป​ถึง​บ้าน​นาย​ร้อย ก็​เห็น​ว่า​ทาส​คน​นั้น​หาย​ดี​แล้ว" (ลูกา 7:1-10)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาผู้หญิงที่มีความทุพพลภาพเป็นเวลา 18 ปี: "ตอน​ที่​พระ​เยซู​สอน​อยู่​ใน​ที่​ประชุม​ของ​ชาว​ยิว​ใน​วัน​สะบาโต  มี​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​ถูก​ปีศาจ​สิง​ทำ​ให้​ป่วย​และ​หลัง​ค่อม​มา 18 ปี​แล้ว เธอ​ยืด​ตัว​ตรง​ไม่​ได้​เลย  เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​เข้า ก็​พูด​กับ​เธอ​ว่า “คุณ​หาย​ป่วย​แล้ว”  ท่าน​วาง​มือ​บน​ผู้​หญิง​คน​นั้น เธอ​ก็​ยืด​ตัว​ตรง​ได้​ทันที​แล้ว​สรรเสริญ​พระเจ้า  แต่​หัวหน้า​ที่​ประชุม​แห่ง​นั้น​ไม่​พอ​ใจ เพราะ​พระ​เยซู​รักษา​โรค​ใน​วัน​สะบาโต เขา​จึง​บอก​กับ​ประชาชน​ที่​นั่น​ว่า “มี​ตั้ง 6 วัน​ที่​จะ​ทำ​งาน​ได้ มา​รักษา​ใน 6 วัน​นั้น​เถอะ+ อย่า​มา​รักษา​ใน​วัน​สะบาโต​เลย”  พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “พวก​สอง​มาตรฐาน+ พวก​คุณ​แต่​ละ​คน​แก้​เชือก​ให้​วัว​หรือ​ลา​ของ​ตัว​เอง แล้ว​จูง​มัน​ไป​กิน​น้ำ​ใน​วัน​สะบาโต​ไม่​ใช่​หรือ?  แล้ว​ผู้​หญิง​คน​นี้​ที่​เป็น​ลูก​หลาน​ของ​อับราฮัม และ​ถูก​ซาตาน​มัด​ไว้​ถึง 18 ปี ไม่​ควร​หรือ​ที่​จะ​ปลด​ปล่อย​เธอ​ใน​วัน​สะบาโต?”  คำ​พูด​ของ​พระ​เยซู​ทำ​ให้​คน​ที่​ต่อ​ต้าน​รู้สึก​อับอาย​ขายหน้า แต่​ประชาชน​กลับ​ชื่นชม​ใน​สิ่ง​ดี ๆ ที่​ท่าน​ทำ" (ลูกา 13:10-17)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาลูกสาวของหญิงชาวฟินีเซียน: "พระ​เยซู​ออก​จาก​ที่​นั่น แล้ว​ก็​เดิน​ทาง​ไป​บริเวณ​เมือง​ไทระ​และ​เมือง​ไซดอน  มี​ผู้​หญิง​ชาว​ฟีนิเซีย*คน​หนึ่ง​จาก​แถบ​นั้น​มา​หา​พระ​เยซู​และ​ร้อง​อ้อน​วอน​ว่า “ท่าน​ผู้​เป็น​ลูก​หลาน​ดาวิด ขอ​เมตตา​ดิฉัน​ด้วย ลูก​สาว​ของ​ดิฉัน​ถูก​ปีศาจ​สิง เธอ​เจ็บ​ปวด​ทรมาน​มาก”  แต่​พระ​เยซู​ไม่​ตอบ​เธอ​เลย​สัก​คำ พวก​สาวก​เข้า​มา​บอก​ท่าน​ว่า “ไล่​เธอ​ไป​เถอะ เพราะ​เธอ​ตะโกน​ตาม​ตื๊อ​เรา​ไม่​หยุด”  พระ​เยซู​บอก​ว่า “พระเจ้า​ส่ง​ผม​มา​หา​เฉพาะ​คน​อิสราเอล​เท่า​นั้น พวก​เขา​เป็น​เหมือน​แกะ​ที่​หลง​หาย”  แต่​ผู้​หญิง​คน​นั้น​เข้า​มา​คำนับ​ท่าน*และ​บอก​ว่า “นาย​ท่าน ช่วย​ดิฉัน​ด้วย​เถอะ”  พระ​เยซู​พูด​ว่า “มัน​ไม่​ถูก​หรอก​นะ​ที่​จะ​เอา​อาหาร​ของ​ลูก ๆ ไป​โยน​ให้​ลูก​หมา”  เธอ​บอก​ว่า “จริง​ค่ะ​ท่าน แต่​ลูก​หมา​ก็​ยัง​ได้​กิน​เศษ​อาหาร​ที่​ตก​จาก​โต๊ะ​ของ​นาย​มัน​ไม่​ใช่​หรือ​คะ?”  พระ​เยซู​จึง​ตอบ​ผู้​หญิง​คน​นั้น​ว่า “คุณ​นี่​มี​ความ​เชื่อ​มาก​จริง ๆ ให้​เป็น​ไป​ตาม​ที่​คุณ​ขอ​เถอะ” แล้ว​ตอน​นั้น​เอง ลูก​สาว​ของ​เธอ​ก็​หาย​เป็น​ปกติ" (มัทธิว 15:21-28)

พระเยซูคริสต์ทรงหยุดพายุ: “ครั้ง​หนึ่ง พระ​เยซู​ลง​เรือ​ไป​กับ​พวก​สาวก  แล้ว​เกิด​พายุ​ใหญ่​ใน​ทะเลสาบ คลื่น​ซัด​จน​น้ำ​ท่วม​เรือ แต่​พระ​เยซู​ก็​ยัง​นอน​หลับ​อยู่ พวก​สาวก​จึง​มา​ปลุก​ท่าน​และ​บอก​ว่า “นาย​ครับ ช่วย​ชีวิต​พวก​เรา​ด้วย พวก​เรา​กำลัง​จะ​ตาย​กัน​อยู่​แล้ว” แต่​ท่าน​บอก​พวก​เขา​ว่า “ทำไม​ต้อง​กลัว พวก​คุณ​มี​ความ​เชื่อ​น้อย​จริง ๆ” แล้ว​ท่าน​ก็​ลุก​ขึ้น​สั่ง​คลื่น​ลม​ให้​สงบ และ​ทุก​อย่าง​ก็​สงบ​นิ่ง  พวก​เขา​จึง​แปลก​ใจ​มาก​และ​พูด​กัน​ว่า “ท่าน​เป็น​ใคร​กัน? แม้​แต่​ลม​และ​ทะเล​ก็​ยัง​เชื่อ​ฟัง​ท่าน​เลย”” (มัทธิว 8:23-27)

พระเยซูคริสต์ทรงดำเนินบนทะเล: "เมื่อ​ผู้​คน​ไป​กัน​หมด​แล้ว พระ​เยซู​ขึ้น​ไป​อธิษฐาน​บน​ภูเขา​คน​เดียว พอ​ถึง​ตอน​ค่ำ ท่าน​ก็​ยัง​อยู่​ที่​นั่น​ตาม​ลำพัง  ตอน​นั้น เรือ​ของ​สาวก​ออก​ไป​ไกล​จาก​ฝั่ง​หลาย​ร้อย​เมตร​แล้ว และ​แล่น​ฝ่า​คลื่น​ทวน​ลม​อยู่  ใน​ยาม 4 ของ​คืน​นั้น พระ​เยซู​เดิน​บน​น้ำ​มา​หา​พวก​เขา  เมื่อ​พวก​สาวก​เห็น​คน​เดิน​บน​น้ำ ก็​ตกใจ​กลัว​และ​พูด​กัน​ว่า “นั่น​อะไร​น่ะ!” แล้ว​พวก​เขา​ก็​ร้อง​เสียง​หลง​ด้วย​ความ​หวาด​กลัว  แต่​พระ​เยซู​รีบ​บอก​พวก​เขา​ว่า “ไม่​ต้อง​ตกใจ นี่​ผม​เอง ไม่​ต้อง​กลัว”  เปโตร​พูด​กับ​ท่าน​ว่า “อาจารย์ ถ้า​เป็น​ท่าน​จริง ๆ ขอ​ให้​ผม​เดิน​บน​น้ำ​ไป​หา​ท่าน​ได้​ไหม​ครับ?”  พระ​เยซู​พูด​ว่า “มา​สิ” เปโตร​ก็​ลง​จาก​เรือ​แล้ว​เดิน​บน​น้ำ​ไป​หา​ท่าน  แต่​เมื่อ​มอง​ที่​พายุ เขา​ก็​กลัว​และ​เริ่ม​จะ​จม เขา​ร้อง​ตะโกน​ว่า “อาจารย์ ช่วย​ผม​ด้วย!”  พระเยซู​รีบ​ยื่น​มือ​จับ​เปโตร​ไว้​และ​พูด​ว่า “คน​มี​ความ​เชื่อ​น้อย ทำไม​ต้อง​สงสัย​ด้วย?”  และ​เมื่อ​พระ​เยซู​กับ​เปโตร​ขึ้น​มา​อยู่​บน​เรือ​แล้ว พายุ​ก็​สงบ​ลง  สาวก​ที่​อยู่​ใน​เรือ​จึง​หมอบ​ลง​แสดง​ความ​เคารพ และ​พูด​ว่า “อาจารย์ ท่าน​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า​จริง ๆ”" (มัทธิว 14:23-33)

การประมงปาฏิหาริย์: "วัน​หนึ่ง เมื่อ​พระ​เยซู​ยืน​อยู่​ริม​ทะเลสาบ​เยนเนซาเรท มี​คน​มาก​มาย​เบียด​เสียด​ท่าน​เพื่อ​ฟัง​คำ​สอน​ของ​พระเจ้า  พอ​ท่าน​เห็น​เรือ 2 ลำ​จอด​อยู่​ริม​ทะเลสาบ​และ​ชาว​ประมง​ขึ้น​จาก​เรือ​เพื่อ​ซัก​อวน  ท่าน​ก็​ลง​เรือ​ลำ​หนึ่ง​ที่​เป็น​ของ​ซีโมน และ​ขอ​ให้​เขา​เอา​เรือ​ออก​จาก​ฝั่ง​เล็ก​น้อย ท่าน​นั่ง​ลง​และ​เริ่ม​สอน​ประชาชน​จาก​บน​เรือ  พอ​สอน​เสร็จ พระ​เยซู​ก็​บอก​ซีโมน​ว่า “เอา​เรือ​ออก​ไป​ตรง​ที่​น้ำ​ลึก​หน่อย แล้ว​หย่อน​อวน​ลง​จับ​ปลา”  แต่​ซีโมน​บอก​ว่า “อาจารย์​ครับ พวก​เรา​เหนื่อย​มา​ทั้ง​คืน​แต่​ไม่​ได้​ปลา​เลย แต่​ผม​จะ​ลอง​หย่อน​อวน​อีก​ที​ตาม​ที่​ท่าน​บอก​ก็​ได้”  พอ​พวก​เขา​หย่อน​อวน​ลง ก็​จับ​ปลา​ได้​มาก​มาย​จน​อวน​เริ่ม​จะ​ขาด  พวก​เขา​จึง​โบก​มือ​เรียก​เพื่อน ๆ ใน​เรือ​อีก​ลำ​ให้​มา​ช่วย แล้ว​พวก​เขา​ก็​ได้​ปลา​เต็ม​เรือ​ทั้ง​สอง​ลำ​จน​เรือ​แทบ​จะ​จม  เมื่อ​ซีโมน​เปโตร​เห็น​อย่าง​นี้​ก็​ทรุด​ลง​กราบ​ที่เข่า​ของ​พระ​เยซู​และ​พูด​ว่า “นาย​ครับ อย่า​อยู่​ใกล้​ผม​เลย ผม​เป็น​คน​บาป”  ที่​พูด​อย่าง​นั้น​เพราะ​ตัว​เขา​กับ​เพื่อน ๆ ตกตะลึง​ที่​จับ​ปลา​ได้​มาก​ขนาด​นั้น  ยากอบ​กับ​ยอห์น ลูก​ของ​เศเบดี ที่​เป็น​หุ้น​ส่วน​กับ​ซีโมน​ก็​ตกตะลึง​เหมือน​กัน แต่​พระ​เยซู​บอก​ซีโมน​ว่า “ไม่​ต้อง​กลัว ต่อ​ไป​นี้​คุณ​จะ​ไป​หา​คน​แทน​ที่​จะ​หา​ปลา”  พอ​เอา​เรือ​กลับ​เข้า​ฝั่ง​แล้ว พวก​เขา​ก็​ทิ้ง​ทุก​อย่าง​และ​ตาม​ท่าน​ไป" (ลูกา 5:1-11)

พระเยซูคริสต์ทวีขนมปัง: "หลัง​จาก​นั้น พระ​เยซู​นั่ง​เรือ​ข้าม​ทะเลสาบ​กาลิลี​หรือ​ที่​เรียก​กัน​ว่า​ทิเบเรียส มี​คน​มาก​มาย​ตาม​ท่าน​ไป เพราะ​พวก​เขา​เห็น​ท่าน​รักษา​คน​ป่วย​อย่าง​อัศจรรย์  พระ​เยซู​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​และ​นั่ง​ลง​กับ​พวก​สาวก 4  ตอน​นั้น​ใกล้​จะ​ถึง​เทศกาล​ปัสกา ของ​ชาว​ยิว​แล้ว  เมื่อ​พระ​เยซู​เงย​หน้า​และ​เห็น​คน​มาก​มาย​มา​หา ท่าน​จึง​ถาม​ฟีลิป​ว่า “พวก​เรา​จะ​หา​ซื้อ​ขนมปัง​จาก​ที่​ไหน​ดี​ถึง​จะ​พอ​เลี้ยง​คน​ทั้ง​หมด​นี้​ได้?”  ที่​พระ​เยซู​พูด​อย่าง​นั้น​ก็​เพื่อ​ทดสอบ​เขา เพราะ​ท่าน​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​จะ​ทำ​อย่าง​ไร  ฟีลิป​ตอบ​ท่าน​ว่า “ต่อ​ให้​มี​เงิน 200 เดนาริอัน*ก็​ยัง​ไม่​พอ​ซื้อ​ขนมปัง​ให้​พวก​เขา​กิน​กัน​คน​ละ​นิด​ละ​หน่อย​เลย”  สาวก​อีก​คน​หนึ่ง​ชื่อ​อันดรูว์​ที่​เป็น​พี่​น้อง​กับ​ซีโมน​เปโตร​บอก​พระ​เยซู​ว่า  “เด็ก​คน​นี้​มี​ขนมปัง​บาร์เลย์ 5 อัน​กับ​ปลา​เล็ก ๆ 2 ตัว แต่​แค่​นี้​คง​ไม่​พอ​เลี้ยง​คน​มาก​ขนาด​นี้​หรอก” พระ​เยซู​จึง​สั่ง​พวก​สาวก​ว่า “บอก​ให้​พวก​เขา​นั่ง​ลง” ทุก​คน​ก็​นั่ง​ลง​เพราะ​ที่​นั่น​เป็น​พื้น​หญ้า คน​ที่​อยู่​ที่​นั่น​มี​ผู้​ชาย​ประมาณ 5,000 คน  พระ​เยซู​หยิบ​ขนมปัง​มา อธิษฐาน​ขอบคุณ​พระเจ้า แล้ว​แจก​จ่าย​ให้​ทุก​คน​ที่​นั่ง​อยู่ และ​ท่าน​ก็​แจก​จ่าย​ปลา​ด้วย ทุก​คน​ได้​กิน​จน​อิ่ม  เมื่อ​พวก​เขา​กิน​อิ่ม​แล้ว ท่าน​สั่ง​พวก​สาวก​ว่า “เก็บ​เศษ​อาหาร​ที่​เหลือ​ไว้ จะ​ได้​ไม่​เสีย​ของ”  พวก​สาวก​ก็​เก็บ​เศษ​ที่​เหลือ​จาก​ขนมปัง​บาร์เลย์ 5 อัน​นั้น​ได้ 12 ตะกร้า​เต็ม ๆเมื่อ​ประชาชน​เห็น​การ​อัศจรรย์​ที่​พระ​เยซู​ทำ พวก​เขา​ก็​พูด​กัน​ว่า “ท่าน​นี้​เป็น​ผู้​พยากรณ์​คน​นั้น​ที่​จะ​มา​ใน​โลก​แน่ ๆ”  พอ​พระ​เยซู​รู้​ว่า​พวก​เขา​พยายาม​จะ​ตั้ง​ท่าน​ให้​เป็น​กษัตริย์ ท่าน​ก็​ปลีก​ตัว​ไป อยู่​ที่​ภูเขา​คน​เดียว" (ยอห์น 6:1-15) จะมีอาหารมากมายทั่วโลก (สดุดี 72:16; อิสยาห์ 30:23)

ปาฏิหาริย์นี้แสดงให้เห็นว่าในโลกใหม่จะไม่มีพายุหรืออุทกภัยที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติอีกต่อไป พระเยซูคริสต์ คืนชีพ บุตรชายของหญิงม่าย: "จาก​นั้น​ไม่​นาน พระ​เยซู​เดิน​ทาง​ไป​ที่​เมือง​นาอิน พวก​สาวก​กับ​คน​กลุ่ม​ใหญ่​ก็​ตาม​ไป​ด้วย เมื่อ​ใกล้​จะ​ถึง​ประตู​เมือง มี​คน​หาม​ศพ​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​สวน​ทาง​ออก​มา คน​ตาย​นั้น​เป็น​ลูก​ชาย​คน​เดียว​ของ​แม่​ม่าย มี​คน​มาก​มาย​จาก​เมือง​นั้น​มา​กับ​เธอ​ด้วย เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​แม่​ม่าย​คน​นั้น​ก็​สงสาร จึง​พูด​กับ​เธอ​ว่า “อย่า​ร้องไห้​เลย” แล้ว​ท่าน​เข้า​ไป​ใกล้​และ​แตะ​แคร่​นั้น คน​ที่​หาม​แคร่​ก็​หยุด และ​ท่าน​พูด​ว่า “หนุ่ม​น้อย ผม​ขอ​บอก​ให้​คุณ​ลุก​ขึ้น”  คน​ตาย​นั้น​ก็​ลุก​ขึ้น​นั่ง​แล้ว​เริ่ม​พูด พระ​เยซู​จึง​มอบ​เขา​ให้​แม่ ทุก​คน​ก็​กลัว แล้ว​พา​กัน​สรรเสริญ​พระเจ้า​ว่า “มี​ผู้​พยากรณ์​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​มา​อยู่​ใน​หมู่​พวก​เรา​แล้ว” และ​พูด​ว่า “พระเจ้า​หัน​มา​สนใจ​ประชาชน​ของ​พระองค์​แล้ว” ชื่อเสียง​ของ​พระ​เยซู​ก็​เลื่อง​ลือ​ไป​ทั่ว​แคว้น​ยูเดีย​และ​ทั่ว​แถบ​นั้น” (ลูกา 7:11-17)

พระเยซูคริสต์ฟื้นคืนชีพลูกสาวของไยรัส: "พระ​เยซู​พูด​ยัง​ไม่​ทัน​ขาด​คำ ก็​มี​คน​จาก​บ้าน​ของ​ไยรอส​มา​บอก​เขา​ว่า “ลูก​สาว​คุณ​ตาย​แล้ว คง​ไม่​ต้อง​รบกวน​อาจารย์​แล้ว​ล่ะ” เมื่อ​พระ​เยซู​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น จึง​บอก​ไยรอส​ว่า “ไม่​ต้อง​กลัว ขอ​ให้​เชื่อ​เถอะ ลูก​สาว​คุณ​จะ​ไม่​เป็น​อะไร” เมื่อ​ไป​ถึง​บ้าน​ของ​เขา พระ​เยซู​ไม่​ให้​ใคร​ตาม​เข้า​ไป​ด้วย​นอก​จาก​เปโตร ยอห์น ยากอบ และ​พ่อ​แม่​ของ​เด็ก ตอน​นั้น ผู้​คน​พา​กัน​ร้องไห้​คร่ำ​ครวญ​ที่​เด็ก​ตาย พระ​เยซู​จึง​พูด​ว่า “หยุด​ร้องไห้​เถอะ เด็ก​คน​นี้​ไม่​ได้​ตาย แต่​นอน​หลับ​อยู่”  พวก​เขา​ก็​หัวเราะ​เยาะ​เพราะ​รู้​ว่า​เด็ก​ตาย​แล้ว​จริง ๆ พระ​เยซู​จับ​มือ​เด็ก​และ​พูด​ว่า “หนู​น้อย ลุก​ขึ้น​มา​เถอะ” เด็ก​คน​นั้น​ก็​กลับ​มี​ชีวิต​อีก และ​ลุก​ขึ้น​มา​ทันที แล้ว​พระ​เยซู​ก็​บอก​ให้​พวก​เขา​เอา​อาหาร​มา​ให้​เธอ​กิน พ่อ​แม่​ของ​เด็ก​ดีใจ​มาก แต่​พระ​เยซู​สั่ง​พวก​เขา​ไม่​ให้​เล่า​เรื่อง​นี้​ให้​ใคร​ฟัง" (ลูกา 8:49-56)

พระเยซูคริสต์ฟื้นคืนชีพเพื่อนลาซารัสผู้ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อสี่วันก่อน: "พระ​เยซู​ยัง​ไม่​ได้​เข้า​หมู่​บ้าน ท่าน​ยัง​อยู่​ตรง​ที่​ที่​มาร์ธา​ไป​หา  เมื่อ​คน​ยิว​ที่​ปลอบ​ใจ​มารีย์​อยู่​ใน​บ้าน​เห็น​เธอ​รีบ​ออก​ไป พวก​เขา​ก็​ตาม​ไป​ด้วย เพราะ​คิด​ว่า​เธอ​จะ​ไป​ร้องไห้​ที่​อุโมงค์​ฝัง​ศพ เมื่อ​มารีย์​ได้​พบ​พระ​เยซู เธอ​ก็​หมอบ​ลง​แทบ​เท้า​ท่าน​แล้ว​พูด​ว่า “นาย​คะ ถ้า​ท่าน​อยู่​ที่​นี่ เขา​คง​ไม่​ตาย” เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​เธอ​ร้องไห้ และ​พวก​ยิว​ที่​มา​กับ​เธอ​ก็​ร้องไห้​ด้วย ท่าน​ก็​เศร้า​และ​สะเทือน​ใจ ท่าน​ถาม​ว่า “พวก​คุณ​ฝัง​ศพ​เขา​ไว้​ที่​ไหน?” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “ตาม​มา​ดู​สิ นาย​ท่าน” แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ร้องไห้​น้ำตา​ไหล พวก​ยิว​เห็น​อย่าง​นั้น​ก็​พูด​กัน​ว่า “ดู​สิ เขา​รัก​ลาซารัส​มาก​จริง ๆ” แต่​มี​บาง​คน​พูด​ว่า “ผู้​ชาย​คน​นี้​เคย​ทำ​ให้​คน​ตา​บอด​มอง​เห็น​ได้ แล้ว​เขา​ทำ​ให้​คน​นี้​รอด​ตาย​ไม่​ได้​หรือ?”

เมื่อ​ใกล้​ถึง​อุโมงค์​ฝัง​ศพ พระ​เยซู​ก็​รู้สึก​สะเทือน​ใจ​ขึ้น​มา​อีก อุโมงค์​นั้น​เป็น​ถ้ำ​และ​มี​หิน​ปิด​ปาก​ถ้ำ​ไว้ พระ​เยซู​สั่ง​ว่า “เลื่อน​หิน​ออก​ไป​สิ” มาร์ธา​ซึ่ง​เป็น​พี่​น้อง​กับ​ผู้​ตาย​บอก​ท่าน​ว่า “นาย​คะ ป่าน​นี้​ศพ​คง​เหม็น​แย่​แล้ว เพราะ​ตาย​มา​ตั้ง 4 วัน​แล้ว” พระ​เยซู​บอก​เธอ​ว่า “ผม​เคย​บอก​คุณ​แล้ว​ไม่​ใช่​หรือ​ว่า ถ้า​คุณ​เชื่อ คุณ​จะ​ได้​เห็น​ฤทธิ์​อำนาจ​ของ​พระเจ้า?” พวก​เขา​จึง​เลื่อน​หิน​ที่​ปิด​ปาก​ถ้ำ​ออก แล้ว​พระ​เยซู​ก็​แหงน​หน้า​มอง​ท้องฟ้า และ​พูด​ว่า “พ่อ​ครับ ผม​ขอบคุณ​ที่​พระองค์​ฟัง​คำ​ขอร้อง​ของ​ผม ผม​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​พระองค์​ฟัง​ผม​เสมอ แต่​ที่​ผม​ขอ​คราว​นี้​ก็​เพื่อ​คน​ที่​ยืน​อยู่​รอบ ๆ พวก​เขา​จะ​ได้​เชื่อ​ว่า​พระองค์​ใช้​ผม​มา”  เมื่อ​พูด​จบ​แล้ว ท่าน​ก็​ร้อง​เรียก​เสียง​ดัง​ว่า “ลาซารัส ออก​มา” ลาซารัส​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​ก็​เดิน​ออก​มา​ทั้ง ๆ ที่​ยัง​มี​ผ้า​พัน​มือ​และ​เท้า​อยู่ และ​ที่​หน้า​ก็​มี​ผ้า​พัน​ไว้​ด้วย พระ​เยซู​สั่ง​พวก​เขา​ว่า “เอา​ผ้า​พวก​นั้น​ออก​ให้​เขา​หน่อย เขา​จะ​ได้​เดิน​สะดวก”” (จอห์น 11:30-44)

การประมงปาฏิหาริย์ล่าสุด (ไม่นานหลังจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์): "ตอน​เช้า​ตรู่ พระ​เยซู​ยืน​อยู่​บน​ฝั่ง แต่​พวก​สาวก​ไม่​รู้​ว่า​เป็น​พระ​เยซู  แล้ว​พระ​เยซู​ตะโกน​ถาม​พวก​เขา​ว่า “ลูก ๆ มี​อะไร​กิน​บ้าง​ไหม?” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “ไม่​มี​เลย” พระ​เยซู​พูด​ว่า “หย่อน​อวน​ลง​ทาง​ขวา​ของ​เรือ​สิ แล้ว​จะ​ได้​ปลา” พวก​เขา​ก็​หย่อน​อวน​ลง แล้ว​ได้​ปลา​มาก​มาย​จน​ดึง​ขึ้น​มา​บน​เรือ​ไม่​ไหว  สาวก​คน​ที่​พระ​เยซู​รัก จึง​พูด​กับ​เปโตร​ว่า “นั่น​นาย​ของ​เรา​นี่” พอ​ซีโมน​เปโตร​ได้​ยิน​ว่า​คน​นั้น​คือ​ผู้​เป็น​นาย ก็​หยิบ​เสื้อ​มา​ใส่​แล้ว​กระโดด​ลง​น้ำ​เพราะ​ตอน​นั้น​เขา​ถอด​เสื้อ​อยู่  แต่​สาวก​คน​อื่น ๆ เอา​เรือ​เล็ก​ลำ​นั้น​ลาก​อวน​ที่​มี​ปลา​อยู่​เต็ม​เข้า​ฝั่ง พวก​เขา​อยู่​ไม่​ห่าง​ฝั่ง แค่​ประมาณ 90 เมตร" (ยอห์น 21:4-8)

พระเยซูคริสต์ทรงทำปาฏิหาริย์อื่น ๆ อีกมากมาย พวกเขาเสริมสร้างศรัทธาของเราหนุนใจเราและมองเห็นพรมากมายที่จะเกิดขึ้นบนโลก ถ้อยคำที่เป็นลายลักษณ์อักษรของอัครสาวกจอห์นสรุปปาฏิหาริย์จำนวนมหาศาลที่พระเยซูคริสต์ทำเพื่อรับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบนโลก: "ที่​จริง พระ​เยซู​ยัง​ทำ​อะไร​อีก​มาก​มาย ถ้า​จะ​เขียน​ไว้​ทั้ง​หมด​ละ​ก็ ผม​คิด​ว่า​โลก​นี้​คง​ไม่​มี​ที่​พอ​จะ​เก็บ​ม้วน​หนังสือ​ทั้ง​หมด​นั้น​ได้" (จอห์น 21:25)

การสอนพื้นฐานของพระคัมภีร์

•พระเจ้ามีพระนามว่าพระยะโฮวา เราต้องนมัสการพระยะโฮวาเท่านั้น เราต้องรักพระองค์ด้วยพลังชีวิตทั้งหมดของเรา: “พระ​ยะโฮวา พระเจ้า​ของ​เรา พระองค์​สม​ควร​จะ​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​สรรเสริญ ความ​นับถือ และ​ฤทธิ์​อำนาจ เพราะ​พระองค์​สร้าง​ทุก​สิ่ง ทุก​สิ่ง​มี​อยู่​และ​ถูก​สร้าง​ขึ้น​ตาม​ความ​ต้องการ​ของ​พระองค์” (อิสยาห์ 42: 8 วิวรณ์ 4:11 มัทธิว 22:37) (The Revealed Name; Worship Jehovah; In Congregation) พระเจ้าไม่ได้เป็นไตรลักษณ์

•พระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าในแง่ที่ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรเพียงอันเดียวของพระเจ้าที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าโดยตรง: "“คน​เขา​พูด​กัน​ว่า ‘ลูก​มนุษย์’ เป็น​ใคร?”  พวก​เขา​ตอบ​ว่า “บาง​คน​บอก​ว่าเป็น​ยอห์น​ผู้​ให้​บัพติศมา บาง​คน​บอก​ว่า​เป็น​เอลียาห์ แต่​ก็​มี​บาง​คน​บอก​ว่า​เป็น​เยเรมีย์​หรือ​ไม่​ก็​เป็น​หนึ่ง​ใน​พวก​ผู้​พยากรณ์” พระ​เยซู​ถาม​พวก​เขา​ว่า “แล้ว​พวก​คุณ​ล่ะ คิด​ว่า​ผม​เป็น​ใคร?”  ซีโมน​เปโตร​ตอบ​ว่า “ท่าน​เป็น​พระ​คริสต์ ลูก​ของ​พระเจ้า​ผู้​มี​ชีวิต​อยู่” พระ​เยซู​จึง​บอก​เขา​ว่า “ซีโมน​ลูก​โยนาห์ ดีใจ​เถอะ เพราะ​ผู้​ที่​เปิด​เผย​เรื่อง​นี้​ให้​คุณ​รู้​คือ​พ่อ​ของ​ผม​ใน​สวรรค์ ไม่​ใช่​มนุษย์" (มัทธิว 16:13-17, ยอห์น 1:1-3) (Jesus Christ the Only Path; The King Jesus Christ) พระเยซูคริสต์ไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพและพระองค์ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตรีเอกภาพ

•พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า เขาไม่ใช่คน: "และ​พวก​เขา​ก็​เห็น​บาง​สิ่ง​เหมือน​เปลว​ไฟ​รูป​ร่าง​คล้าย​ลิ้น​ลอย​อยู่​เหนือ​พวก​เขา​แต่​ละ​คน" (กิจการ 2: 3) พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของตรีเอกานุภาพ

•พระคัมภีร์เป็นพระวจนะของพระเจ้า: "พระ​คัมภีร์​ทุก​ตอน พระเจ้า​ดล​ใจ​ให้​เขียน​ขึ้น​มา มี​ประโยชน์​สำหรับ​สอน ว่า​กล่าว​ตักเตือน แก้ไข​สิ่ง​ต่าง ๆ ให้​เรียบร้อย และ​สั่ง​สอน​คน​ให้​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง เพื่อ​คน​ของ​พระเจ้า​จะ​มี​ความ​สามารถ​เพียง​พอ และ​มี​ความ​พร้อม​สำหรับ​งาน​ที่​ดี​ทุก​อย่าง" (2 ทิโมธี 3: 16,17) เราต้องอ่านศึกษาและประยุกต์ใช้ในชีวิตของเรา (สดุดี 1: 1-3) (Read the Bible Daily)

•เฉพาะความเชื่อในการเสียสละของพระคริสต์ช่วยให้สามารถให้อภัยบาปและรักษาและฟื้นคืนพระชนม์ของคนตาย: “พระเจ้า​รัก​โลก​มาก จน​ถึง​กับ​ยอม​สละ​ลูก​คน​เดียว*ของ​พระองค์ เพื่อ​ทุก​คน​ที่​แสดง​ความ​เชื่อ​ใน​ท่าน​จะ​ไม่​ถูก​ทำลาย แต่​จะ​มี​ชีวิต​ตลอด​ไป" (ยอห์น 3:16, มัทธิว 20:28) (อนุสรณ์แห่งความตายของพระเยซูคริสต์ ; The Memorial of the Death of Jesus Christ (Slideshow))

•ราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นรัฐบาลสวรรค์ที่ก่อตั้งขึ้นในสวรรค์เมื่อปีพ. ศ. 2457 ซึ่งกษัตริย์คือพระเยซูคริสต์พร้อมด้วยกษัตริย์และปุโรหิต 144,000 คนซึ่งเป็น"กรุงเยรูซาเล็มใหม่"ซึ่งเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์รัฐบาลแห่งสวรรค์ของพระเจ้าจะยุติการปกครองของมนุษย์ในปัจจุบันในช่วงความทุกข์ทรมานที่ยิ่งใหญ่และจะได้รับการสถาปนาขึ้นบนแผ่นดินโลก: "ใน​สมัย​ที่​กษัตริย์​พวก​นั้น​ปกครอง​อยู่ พระเจ้า​ใน​สวรรค์​จะ​ตั้ง​รัฐบาล หนึ่ง ซึ่ง​จะ​ไม่​มี​วัน​ถูก​ทำลาย และ​รัฐบาล​นี้​จะ​ไม่​ตก​เป็น​ของ​คน​ชาติ​ไหน แต่​รัฐบาล​นี้​จะ​ทำลาย​อาณาจักร​ทั้ง​หมด​นั้น​ให้​สูญ​สิ้น​ไป และ​จะ​เป็น​รัฐบาล​เดียว​ที่​คง​อยู่​ตลอด​ไป" (วิวรณ์ 12: 7-12, 21: 1-4, มัทธิว 6: 9,10, ดาเนียล 2:44) (The End of Patriotism; The King Jesus Christ; The Earthly Administration of the Kingdom of God).

•ความตายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับชีวิต วิญญาณตายและวิญญาณ (ชีวิต) หายไป: "อย่า​วางใจ​พวก​เจ้านาย หรือ​ไว้​ใจ​มนุษย์​ที่​ช่วย​ให้​รอด​ไม่​ได้ เมื่อ​เขา​หมด​ลม​หายใจ เขา​ก็​กลับ​เป็น​ดิน และ​ใน​วัน​นั้น​ความ​คิด​ของ​เขา​ก็​สูญ​หาย​ไป" (สดุดี 146: 3,4, ปัญญาจารย์ 3: 19,20, 9: 5,10)

•จะมีการคืนพระชนม์ของคนชอบธรรมและคนอธรรม(ยอห์น5:28,29,กิจการ24:15)ผู้ที่ไม่ชอบธรรมจะได้รับการตัดสินบนพื้นฐานของพฤติกรรมของพวกเขาในช่วงรัชสมัย 1000 ปี (ไม่ใช่จากพฤติกรรมในอดีตของพวกเขา) ซึ่งจะเริ่มขึ้นหลังจากความทุกข์ยากที่ยิ่งใหญ่: "แล้ว​ผม​ก็​เห็น​บัลลังก์​ใหญ่​สี​ขาว​กับ​ผู้​ที่​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​นั้น โลก​และ​ฟ้า​สวรรค์​หาย​วับ​ไป​จาก​สายตา​พระองค์ ไม่​มี​ที่​สำหรับ​โลก​และ​ฟ้า​สวรรค์​อีก​เลย แล้ว​ผม​ก็​เห็น​คน​ตาย​ทั้ง​ผู้​ใหญ่​ผู้​น้อย​ยืน​อยู่​ต่อ​หน้า​บัลลังก์​นั้น และ​ม้วน​หนังสือ​ต่าง ๆ ถูก​คลี่​ออก มี​ม้วน​หนังสือ​อีก​ม้วน​หนึ่ง​ถูก​คลี่​ออก​ด้วย คือ​ม้วน​หนังสือ​ที่​มี​ราย​ชื่อ​คน​ที่​จะ​ได้​ชีวิต แล้ว​คน​ตาย​ก็​ถูก​พิพากษา​ตาม​การ​กระทำ​ของ​ตัว​เอง​โดย​อาศัย​สิ่ง​ที่​เขียน​ไว้​ใน​ม้วน​หนังสือ​ต่าง ๆ นั้น ทะเล​ได้​ปล่อย​คน​ที่​ตาย​ใน​ทะเล ความ​ตาย​และ​หลุม​ศพ ก็​ปล่อย​คน​ตาย​ที่​อยู่​ใน​นั้น แล้ว​พวก​เขา​แต่​ละ​คน​ก็​ถูก​พิพากษา​ตาม​การ​กระทำ​ของ​ตัว​เอง" (วิวรณ์ 20: 11-13) (The Earthly Resurrection; The Administration of the Earthly Resurrection; The Judgment of the unrighteous)

•มีมนุษย์เพียง144,000คนเท่านั้นที่จะไปสวรรค์ด้วยพระเยซูคริสต์ฝูงชนที่ยิ่งใหญ่ที่กล่าวถึงในวิวรณ์7:9..17คือผู้ที่จะรอดพ้นความทุกข์ยากอันยิ่งใหญ่และจะมีชีวิตอยู่ตลอดไปในสวรรค์ของโลก: "และ​ผม​ได้​ยิน​ว่า​คน​ที่​ถูก​ประทับ​ตรา​มี​จำนวน 144,000 คน มา​จาก​ทุก​ตระกูล​ของ​ชาว​อิสราเอล คือ (...) หลัง​จาก​นั้น ผม​ก็​เห็น ดู​นั่น! มี​ชน​ฝูง​ใหญ่​ที่​ไม่​มี​ใคร​นับ​จำนวน​ได้ จาก​ทุก​ประเทศ ทุก​ตระกูล ทุก​ชน​ชาติ และ​ทุก​ภาษา ยืน​อยู่​หน้า​บัลลังก์​และ​หน้า​ลูก​แกะ​ของ​พระเจ้า พวก​เขา​สวม​เสื้อ​คลุม​ยาว​สี​ขาว และ​ถือ​ใบ​ปาล์ม (...) ผม​ตอบ​ทันที​ว่า “ท่าน​ครับ ท่าน​ก็​รู้​อยู่​แล้ว” เขา​จึง​บอก​ผม​ว่า “พวก​เขา​เป็น​คน​ที่​ผ่าน​ความ​ทุกข์​ยาก​ลำบาก​ครั้ง​ใหญ่ และ​ได้​ซัก​เสื้อ​คลุม​ของ​ตัว​เอง​และ​ทำ​ให้​ขาว​ด้วย​เลือด​ของ​ลูก​แกะ​ของ​พระเจ้า (วิวรณ์ 7: 3-8; 14: 1-5; 7:9-17) (The Heavenly Resurrection (144000); The Great Crowd)

•เราอยู่ในวันสุดท้าย สิ้นสุดจะเป็นความทุกข์ยากที่ยิ่งใหญ่ (มัทธิว 24,25, มาระโก 13, ลุค 21 วิวรณ์ 19: 11-21) การปรากฏตัว (Parousia) ของพระคริสตเจ้าเริ่มล่องหนตั้งแต่ปีพ. ศ. 2457 และจะสิ้นสุดลงเมื่อสิ้นสุดพันปี: "เมื่อ​พระ​เยซู​นั่ง​อยู่​บน​ภูเขา​มะกอก พวก​สาวก​เข้า​มา​ถาม​ท่าน​เป็น​ส่วน​ตัว​ว่า “ช่วย​บอก​หน่อย​ได้​ไหม​ครับ​ว่า เรื่อง​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น​เมื่อไหร่ และ​จะ​มี​อะไร​เป็น​สัญญาณ​บอก​ให้​รู้​ว่า​ท่าน​ประทับ​อยู่ และ​บอก​ให้​รู้​ว่า​เรา​อยู่​ใน​สมัย​สุด​ท้าย​ของ​โลก​นี้?”" (มัทธิว 24: 3) (The King Jesus Christ)

•พระเจ้าจะทรงอำนวยพระพรแก่มนุษยชาติ: "แล้ว​ผม​ได้​ยิน​เสียง​ดัง​จาก​บัลลังก์​นั้น​บอก​ว่า “ดู​นั่น​สิ เต็นท์​ศักดิ์สิทธิ์ ของ​พระเจ้า​อยู่​กับ​มนุษย์​แล้ว พระองค์​จะ​อยู่​กับ​พวก​เขา และ​พวก​เขา​จะ​เป็น​ประชาชน​ของ​พระองค์ พระเจ้า​จะ​อยู่​กับ​พวก​เขา" (อิสยาห์ 11,35,65 วิวรณ์ 21: 1-5) (The Release)

•พระเจ้ายอมให้มีความชั่วร้าย นี่เป็นการตอบสนองต่อความท้าทายของซาตานต่อความชอบธรรมของอำนาจอธิปไตยของพระยะโฮวา (ปฐมกาล 3: 1-6) และยังให้คำตอบสำหรับข้อกล่าวหาของซาตานเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตมนุษย์ (โยบ 1: 7-12; 2: 1-6) พระเจ้าไม่รับผิดชอบต่อความทุกข์ทรมาน (ยากอบ 1:13) ความทุกข์ทรมานเป็นผลมาจากปัจจัยหลักสี่ประการ: มารอาจเป็นผู้หนึ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์ทรมาน (แต่ไม่เสมอไป) (โยบ 1: 7-12; 2: 1-6) (Satan Hurled) ความทุกข์ทรมานเป็นผลมาจากสภาพทั่วไปของเราที่สืบเชื้อสายของอาดัมซึ่งนำเราไปสู่ยุคแก่ความเจ็บป่วยและความตาย (โรม 5:12, 6:23) ความทุกข์ทรมานอาจเป็นผลมาจากการตัดสินใจของมนุษย์ที่ไม่ดี (ในส่วนของเราหรือของมนุษย์คนอื่น) เนื่องจากรัฐบาปที่ได้รับมาจากอาดัม (ดิวเทอโร 32: 5 โรม 7:19) ความทุกข์ทรมานอาจเป็นผลมาจาก "เหตุการณ์และเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง" ซึ่งทำให้บุคคลต้องผิดพลาดในเวลาที่ไม่ถูกต้อง (ปัญญาจารย์ 9:11) ชะตาไม่ได้เป็นคำสอนในพระคัมภีร์เราไม่ใช่ "ถูกบังคับ" เพื่อทำดีหรือชั่ว แต่เราจะเลือก "ดี" หรือ "ชั่ว" (ดิวเทอโร 30:15)

•เราต้องรับใช้ผลประโยชน์ของอาณาจักรของพระเจ้าโดยให้เรารับบัพติศมาและปฏิบัติตามสิ่งที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ (มัทธิว 28: 19,20) (Baptism) ท่าทางที่แข็งแกรมนี้ในการสนับสนุนอาณาจักรของพระเจ้าได้รับการเปิดเผยอย่างเปิดเผยโดยการประกาศข่าวประเสริฐอย่างสม่ำเสมอ (มัทธิว 24:14) (Good News)

สิ่งต้องห้ามในพระคัมภีร์

ความเกลียดชังถูกห้าม: "คน​ที่​เกลียด​พี่​น้อง​ก็​เป็น​ผู้​ฆ่า​คน และ​พวก​คุณ​ก็​รู้​ว่า​ผู้​ฆ่า​คน​จะ​ไม่​ได้​ชีวิต​ตลอด​ไป  เรา​ได้​มา​รู้​ว่า​ความ​รัก​เป็น​อย่าง​ไร​ก็​เพราะ​พระ​เยซู​สละ​ชีวิต​เพื่อ​เรา เรา​จึง​ควร​สละ​ชีวิต​เพื่อ​พี่​น้อง​ด้วย" (1 ยอห์น 3:15,16) การฆาตกรรมเป็นสิ่งต้องห้ามด้วยเหตุผลส่วนตัวด้วยความรักชาติทางศาสนาหรือโดยความรักชาติของรัฐ: "พระ​เยซู​บอก​คน​นั้น​ว่า “เก็บ​ดาบ​ใส่​ฝัก​ซะ เพราะ​ทุก​คน​ที่​ใช้​ดาบ​จะ​ตาย​ด้วย​ดาบ" (มัทธิว 26:52) (End of Patriotism)
การโจรกรรมเป็นสิ่งต้องห้าม: "คน​ที่​ขโมย​ก็​ให้​เลิก​ขโมย แล้ว​หัน​มา​ทำ​งาน​ที่​สุจริต​ด้วย​ความ​ขยัน​ขันแข็ง เพื่อ​จะ​ได้​มี​อะไร​แจก​ให้​คน​ขัดสน​บ้าง" (เอเฟซัส 4:28)

การโกหกต้องห้าม: "อย่า​โกหก​กัน ให้​ทิ้ง*ลักษณะ​นิสัย​เก่า กับ​สิ่ง​ต่าง ๆ ที่​เคย​ทำ" (โคโลสี 3:9)

ข้อห้ามอื่น ๆ :

"ดัง​นั้น ผม​เห็น​ว่า ไม่​ควร​ให้​คน​ต่าง​ชาติ​ที่​หัน​มา​หา​พระเจ้า​ต้อง​ยุ่งยาก​ลำบาก​ใจ  แต่​ให้​เขียน​บอก​พวก​เขา​ว่า​ให้​งด​เว้น​จาก​ของ​ที่​เซ่น​ไหว้​รูป​เคารพ จาก​การ​ผิด​ศีลธรรม​ทาง​เพศ จาก​สัตว์​ที่​ถูก​รัด​คอ​ตาย และ​จาก​เลือด" (กิจการ 15:19,20)

สิ่งที่ได้รับการปนเปื้อนจากไอดอล: นี่คือ "สิ่ง" ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติทางศาสนาที่ขัดต่อพระคัมภีร์ไบเบิลการเฉลิมฉลองวันหยุดของชาวป่าเถื่อน นี่อาจเป็นแนวทางปฏิบัติทางศาสนาก่อนการฆ่าหรือการบริโภคเนื้อสัตว์: "เนื้อ​ที่​ขาย​กัน​ตาม​ตลาด​นั้น​กิน​ได้​โดย​ไม่​ต้อง​ถาม​ว่า​มา​จาก​ไหน คุณ​ไม่​ต้อง​กังวล เพราะ “โลก​และ​ทุก​สิ่ง​ใน​โลก​เป็น​ของ​พระ​ยะโฮวา” ถ้า​คน​ที่​ไม่​มี​ความ​เชื่อ​เชิญ​คุณ​ไป​กิน​อาหาร​และ​คุณ​ก็​อยาก​ไป ก็​ให้​กิน​ทุก​อย่าง​ที่​เขา​จัด​มา​ให้​และ​ไม่​ต้อง​ถาม​อะไร​เพื่อ​เห็น​แก่​ความ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ชั่ว​ดี​ของ​คุณ แต่​ถ้า​มี​ใคร​บอก​ว่า “นี่​เป็น​ของ​ไหว้” ก็​อย่า​กิน เพื่อ​เห็น​แก่​คน​ที่​บอก​คุณ​และ​เพื่อ​เห็น​แก่​ความ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ชั่ว​ดี​ด้วย ผม​ไม่​ได้​หมาย​ถึง​ความ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ชั่ว​ดี​ของ​คุณ​เอง แต่​ของ​คน​ที่​บอก​คุณ ผม​มี​สิทธิ์​จะ​กิน​ก็​จริง แต่​ผม​ไม่​ต้องการ​ใช้​สิทธิ์​นั้น​แล้ว​ถูก​ตัดสิน​โดย​ความ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ชั่ว​ดี​ของ​คน​อื่น ถ้า​ผม​ขอบคุณ​พระเจ้า​และ​กิน​ของ​นั้น แล้ว​คน​อื่น​ตำหนิ​ผม ผม​ควร​จะ​กิน​ไหม?" (1 โครินธ์ 10:25-30)

"อย่า​มี​ส่วน​ร่วม​อะไร​กับ​คน​ที่​ไม่​เชื่อ เพราะ​ความ​ดี จะ​มี​ส่วน​ร่วม​กับ​ความ​ชั่ว​ได้​อย่าง​ไร? ความ​สว่าง​จะ​เข้า​กับ​ความ​มืด​ได้​หรือ? พระ​คริสต์​กับ​เบลีอัล จะ​ไป​ด้วย​กัน​ได้​ไหม? คน​ที่​เชื่อ​จะ​มี​อะไร​เหมือน​กับ​คน​ที่​ไม่​เชื่อ?  วิหาร​ของ​พระเจ้า​จะ​มี​รูป​เคารพ​ได้​หรือ? เรา​เป็น​วิหาร​ของ​พระเจ้า​ผู้​มี​ชีวิต​อยู่ เหมือน​ที่​พระองค์​บอก​ไว้​ว่า “เรา​จะ​อยู่​กับ​พวก​เขา+และ​จะ​ไป​ด้วย​กัน​กับ​พวก​เขา เรา​จะ​เป็น​พระเจ้า​ของ​พวก​เขา​และ​พวก​เขา​จะ​เป็น​ประชาชน​ของ​เรา” “พระ​ยะโฮวา*จึง​สั่ง​ว่า ‘ดัง​นั้น ออก​มา​จาก​พวก​เขา​และ​แยก​อยู่​ต่าง​หาก เลิก​แตะ​ต้อง​สิ่ง​ที่​ไม่​สะอาด’” “‘และ​เรา​จะ​รับ​พวก​เจ้า​ไว้’” “พระ​ยะโฮวา*ผู้​มี​พลัง​อำนาจ​สูง​สุด​บอก​ว่า ‘เรา​จะ​เป็น​พ่อ​ของ​พวก​เจ้า และ​พวก​เจ้า​จะ​เป็น​ลูก​ชาย​ลูก​สาว​ของ​เรา’” (2 โครินธ์ 6:14-18)

อย่าเคารพบูชากฎเกณฑ์ทางศาสนาไอดอล มีความจำเป็นที่จะต้องทำลายวัตถุหรือรูปเคารพที่นับถือรูปเคารพรูปกางเขนรูปปั้นเพื่อจุดประสงค์ทางศาสนา (มัทธิว 7: 13-23) อย่าปฏิบัติลัทธิไสยเวท: เวทมนตร์, โหราศาสตร์ ... เราต้องทำลายวัตถุทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับลัทธิไสยเวท (กิจการ 19:19, 20)

อย่าดูภาพยนตร์หรือภาพลามกอนาจารหรือภละย่อยสลาย งดเว้นจากการเล่นการพนันการใช้ยาเสพติดเช่นกัญชาพลูยาสูบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่วนเกิน: "ดัง​นั้น พี่​น้อง​ครับ พระเจ้า​กรุณา​ต่อ​คุณ​มาก​จริง ๆ ผม​จึง​ขอร้อง​คุณ​ให้​ถวาย​ร่าง​กาย เป็น​เครื่อง​บูชา​ที่​มี​ชีวิต ที่​บริสุทธิ์  ที่​พระเจ้า​ยอม​รับ​ได้ การ​ทำ​อย่าง​นี้​เป็น​การ​รับใช้​ที่​ศักดิ์สิทธิ์​โดย​ใช้​ความ​สามารถ​ใน​การ​คิด​หา​เหตุ​ผล​ของ​คุณ" (โรม 12: 1, มัทธิว 5: 27-30, สดุดี 11: 5)

การผิดศีลธรรมทางเพศ (การผิดประเวณี): การล่วงประเวณี, เพศที่ไม่ได้แต่งงาน (ชาย / หญิง), ชายและหญิงรักร่วมเพศ, และพฤติกรรมทางเพศที่บิดเบือน: "พวก​คุณ​ไม่​รู้​หรือ​ว่า​คน​ทำ​ชั่ว​จะ​ไม่​ได้​รับ​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า? อย่า​หลอก​ตัว​เอง​เลย คน​ทำ​ผิด​ศีลธรรม​ทาง​เพศ คน​ไหว้​รูป​เคารพ+ คน​เล่นชู้ ผู้​ชาย​ที่​สนอง​ความ​ใคร่​ผู้​ชาย​ด้วย​กัน+ ผู้​ชาย​รัก​ร่วม​เพศ ขโมย คน​โลภ คน​ขี้เมา คน​ปาก​ร้าย และ​คน​ชอบ​รีด​ไถ จะ​ไม่​ได้​รับ​รัฐบาล​ของ​พระเจ้า" (1 โครินธ์ 6:9,10) "ให้​ชีวิต​สมรส​เป็น​แบบ​ที่​น่า​นับถือ​ใน​สายตา​ของ​ทุก​คน และ​ให้​สามี​ภรรยา​ซื่อ​สัตย์​ต่อ​กัน เพราะ​พระเจ้า​จะ​ตัดสิน​ลง​โทษ​คน​ทำ​ผิด​ศีลธรรม​ทาง​เพศ และ​คน​เล่นชู้" (ฮีบรู 13:4)

มีภรรยาหลายคน เป็นสิ่งต้องห้าม คุณต้องอยู่กับผู้หญิงคนแรกเท่านั้น เพื่อกรุณาพระเจ้า (1 ทิโมธี 3:2) การสำเร็จความใคร่เป็นสิ่งต้องห้ามในพระคัมภีร์: "ดัง​นั้น ให้​กำจัด​แนว​โน้ม​แบบ​โลก​ซึ่ง​อยู่​ใน​อวัยวะ​ของ​พวก​คุณ คือ​การ​ผิด​ศีลธรรม​ทาง​เพศ* การ​กระทำ​ที่​ไม่​สะอาด ความ​ใคร่​แบบ​ที่​ไม่​มี​การ​ควบคุม ความ​ต้องการ​ที่​ก่อ​ความ​เสียหาย และ​ความ​โลภ​ซึ่ง​เท่า​กับ​เป็น​การ​ไหว้​รูป​เคารพ" (โคโลสี 3:5)

ห้ามกินเลือดแม้ในการบำบัดรักษา (การถ่ายเลือด): "แต่​เนื้อ​ที่​ยัง​มี​เลือด​อยู่​นั้น​พวก​เจ้า​อย่า​กิน เพราะ​เลือด​หมาย​ถึง​ชีวิต" (ปฐมกาล 9:4) (The Sacred Blood; The Sacred Life)

ทุกสิ่งที่ถูกประณามจากพระคัมภีร์ไม่ได้สะกดออกมาในการศึกษาพระคัมภีร์ฉบับนี้คริสเตียนที่มีวุฒิภาวะและมีความรู้เกี่ยวกับหลักการของพระคัมภีร์จะรู้ความแตกต่างระหว่าง "ดี" กับ "ความชั่ว" แม้ว่าจะไม่ได้เขียนไว้ในพระคัมภีร์โดยตรงก็ตาม: "แต่​อาหาร​แข็ง​เป็น​อาหาร​สำหรับ​ผู้​ใหญ่ ซึ่ง​ได้​ฝึก​ใช้​ความ​คิด จน​แยก​ออก​ว่า​อะไร​ถูก​อะไร​ผิด" (ฮีบรู 5:14) (SPIRITUAL MATURITY)

Share this page